บอร์ดแข่งขันฯย้ำโปร่งใส-เป็นธรรม การใช้“อำนาจพิเศษ” ม.60

บอร์ดแข่งขันฯย้ำโปร่งใส-เป็นธรรม    การใช้“อำนาจพิเศษ” ม.60

คำพูดที่ว่า ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง นั้นเป็นเรื่องจริง เห็นได้จากความเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างรอบตัว หรือแม้แต่ตัวเราเองก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เรื่องธุรกิจการค้าก็เช่นกัน กลยุทธ์ทางการค้าวันนี้ อาจใช้ไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ หรือ เดือนหน้า หรือ อีก 10 ปีข้างหน้า ก

คำพูดที่ว่า ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง นั้นเป็นเรื่องจริง เห็นได้จากความเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างรอบตัว หรือแม้แต่ตัวเราเองก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เรื่องธุรกิจการค้าก็เช่นกัน กลยุทธ์ทางการค้าวันนี้ อาจใช้ไม่ได้ในวันพรุ่งนี้ หรือ เดือนหน้า หรือ อีก 10 ปีข้างหน้า การกำกับดูแลให้การค้าแข่งขันต่อสู้กันอย่างเป็นธรรมจึงต้องมีเครื่องมือที่สามารถใช้กับความเปลี่ยงแปลงทั้งจากกลยุทธ์การแข่งขัน และรูปแบบการค้าใหม่ๆด้วย 

สันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการฯ กล่าวว่า การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อคู่แข่ง หรือคู่ธุรกิจที่ถูกกระทำเท่านั้น แต่หมายถึงการทำให้กลไกทางการค้าทั้งระบบได้รับความเสียหายไปด้วย ดังนั้นการยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือจำกัดวงให้ได้มากที่สุดเป็นสิ่งจำเป็น 

สำหรับกฎหมายแข่งขันทางการค้าฉบับใหม่ได้ให้เครื่องมือพิเศษใว้ในมาตรา 6 แค่คณะกรรมการ แต่การใช้เครื่องมือดังกล่าวก็มีข้อจำกัด ว่าด้วยกระบวนการต้องโปร่งใส สามารถให้ผู้ได้รับผลกระทบร้องเรียนได้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเฉียบไวและอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม 

ทั้งนี้ ขอยกตัวอย่างกรณี คณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้า มีคำสั่งให้บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระงับการไม่ต่อสัญญาให้กับ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสันจำนวน 7 ราย หลังจากได้พิจารณาคำร้องของตัวแทนจำหน่ายดังกล่าวแล้ว เห็นว่ามีการกำหนดเงื่อนไขทางการค้าที่เป็นการจำกัดหรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรมและมีการเลือกปฏิบัติโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ซึ่งเป็นพฤติกรรมทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม เข้าข่ายเป็นการ ฝ่าฝืนหรือจะฝ่าฝืนมาตรา 57 ของกฎหมายการแข่งขันทางการค้า

“คำสั่งนี้เป็นมาตรการใหม่ที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าชุดปัจจุบันได้นำมาใช้เป็นครั้งแรก อาจสร้างความสับสนได้จึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติ ก่อนที่จะออกเป็นคำสั่งที่มีผลตามกฎหมาย”

โดยที่กฎหมายการแข่งขันทางการค้าตามมาตรา 60 ได้กำหนดให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้ามีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ประกอบธุรกิจระงับ หยุด การกระทำใด ๆ ในกรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ประกอบธุรกิจมีการฝ่าฝืนหรือจะฝืนมาตราค่างๆที่ส่อว่าจะนำไปสู่การค้าไม่เป็นธรรม

อาทิ มาตรา 50 (การใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม) มาตรา 51 วรรคสอง (การรวมธุรกิจที่อาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาด) มาตรา 54 (การตกลงร่วมกันทางธุรกิจที่ก่อให้เกิดการผูกขาดหรือจำกัดการแข่งขัน โดยมีผลกระทบต่อระบบตลาดอย่างร้ายแรง) มาตรา 55 (การตกลงร่วมกันทางธุรกิจที่เป็นการจำกัดหรือ ลดการแข่งขันที่มีผลกระทบต่อตลาดไม่ร้ายแรง) มาตรา 57 (การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและมีผลให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบธุรกิจรายอื่น) และมาตรา 58 (การร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจในต่างประเทศดำเนินการให้เกิดการผูกขาดหรือจำกัดการค้าอย่างไม่เป็นธรรม) เหล่านี้เป็นต้น 

เจตนารมณ์ที่กฎหมายการแข่งขันทางการค้าได้กำหนดให้อำนาจคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าสามารถออกคำสั่งในลักษณะนี้ได้ เพื่อเป็นเครื่องมือหรือกลไกในการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิผล เนื่องจากเล็งเห็นว่าในการพิจารณาคดีความที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการ แต่ละคดีกว่าจะพิจารณาเสร็จสมบูรณ์คงต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร 

ดังนั้นการให้อำนาจพิเศษแก่คณะกรรมการ ในการสั่งระงับ หยุด การกระทำที่เชื่อได้ว่าจะเป็น การฝ่าฝืนกฎหมายย่อมเป็นแนวทางที่ดีที่จะช่วยเยียวยาหรือยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง (ซึ่งเป็นหลักสากลที่ไม่ว่าประเทศใดที่มีกฎหมายการแข่งขันทางการค้า ก็จะมีการบังคับใช้ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน)

สำหรับขั้นตอนในการพิจารณาออกคำสั่งของคณะกรรมการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจระงับ หยุดการกระทำ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงการกระทำ ตามมาตรา 60 ของกฎหมายการแข่งขันทางการค้า มีดังนี้

1. ก่อนที่คณะกรรมการจะมีคำสั่งต้องมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ประกอบธุรกิจมีการฝ่าฝืนหรือ จะฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางการค้า มาตรา 50 มาตรา 51 วรรคสอง มาตรา 54 มาตรา 55 มาตรา 57 และมาตรา 58 

2. ต้องให้ผู้ประกอบธุรกิจที่จะได้รับการแจ้งคำสั่งมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ พร้อมทั้งมีข้อโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน

3. เมื่อคณะกรรมการพิจารณาเห็นแล้วว่าหลักฐานหรือข้อโต้แย้งตามข้อ 2 ไม่มีเหตุผลหรือความน่าเชื่อถือเพียงพอก็จะดำเนินการออกคำสั่ง โดยอาจจะกำหนดเงื่อนไขและระยะเวลาเท่าที่จำเป็นก็ได้ 

ตัวอย่างเช่นกรณีของบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด คณะกรรมการได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า คำสั่งจะมีผลจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเรื่องร้องเรียนเป็นที่สิ้นสุด หรือเห็นว่าบริษัทนิสสันฯ ได้ชี้แจงรายละเอียด และแสดงพยานหลักฐานที่สามารถรับฟังได้ด้วยเหตุผลอันชอบธรรมในทางธุรกิจ เป็นต้น

คำสั่งของคณะกรรมการถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ซึ่งมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว ต้องมีโทษปรับทางปกครองในอัตราไม่เกินหกล้านบาทและปรับอีกในอัตราไม่เกินสามแสนบาทต่อวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่ 

หากผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับคำสั่งไม่เห็นด้วย สามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในระยะเวลา 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เชื่อว่าจะช่วยสร้างความชัดเจน ในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าตามที่ได้ให้อำนาจคณะกรรมการไว้ในมาตรา 60 ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิผล 

ด้วยความมุ่งหวังของคณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้าชุดปัจจุบัน ที่จะธำรงความเป็นธรรมทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและ สร้างเสริมระบบการค้าให้มีธรรมาภิบาลมากยิ่งขึ้น