ต่าง Gen ต่างความคิด... 'Please mind the gap'

ต่าง Gen ต่างความคิด... 'Please mind the gap'

หากทุกคนในประเทศ สังคมที่ทำงาน หรือครอบครัว รู้จักเตือนตัวเองว่า Please mind the gap น่าจะทำให้ Gap เรื่องเจนเนอเรชั่นหรือความคิดเห็นดูบางลง และไม่กลายเป็นปัญหาดังเช่นฮ่องกง

"Please mind the gap between train and platform” นี่คือเสียงประกาศที่เราได้ยินจนชินหูตอนจะก้าวออกจากรถไฟฟ้า BTS เพื่อเตือนให้เราระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจาก “gap” ระหว่างตัวรถไฟและสถานี ยิ่ง gap ห่างเท่าไหร่อันตรายก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ทุกที่ที่มี gap จึงเป็นที่ที่เราต้องใส่ใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะ gap ที่เกิดจาก Generation เพราะถ้า gap ห่าง มักจะมีความแตกต่างทางด้านความคิด ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงเหมือนที่เกิดขึ้นในเกาะฮ่องกงในขณะนี้

เมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนเกาะแห่งนี้ วันนี้จึงขอเขียนถึง ด้วยในปัจจุบัน จากคนที่เคยทำงานที่นั่น แม้จะจากฮ่องกงมานับ 10 ปี แต่ก็มีความผูกพันเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ฮ่องกงกำลังถูกรุมเร้ารอบด้าน จากปัญหาเศรษฐกิจ การประท้วงครั้งใหญ่ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติง่ายๆ เพราะฮ่องกงเป็นประตูการค้าสำคัญของจีน เป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางทางการเงินสำคัญในภูมิภาค

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น South China Morning Post รายงานว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา วัยรุ่น 3 ใน 10 คนทะเลาะกับผู้ปกครองเรื่องการประท้วงรัฐบาลและปัญหาการเมือง เด็กวัยรุ่นบางคนถึงกับบอกว่าจะย้ายออกจากครอบครัวเพราะพ่อแม่ดูจะเข้าข้างรัฐบาลเป็นอย่างมาก และขู่ลูกว่าจะให้ตำรวจจับถ้าลูกออกไปประท้วงอีกครั้ง

ดูเหมือนว่ามีเส้นแบ่งอุดมการณ์ ความคิดระหว่าง generation ชัดขึ้นและกว้างขึ้นมาก กลุ่มวัยรุ่นบอกว่าเสรีภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ในขณะที่ผู้ปกครองเห็นว่า Social Stability ความมั่นคงของสังคมเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า เพราะผู้ปกครองที่เป็นกลุ่ม Baby Boomer ซึ่งเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านความยากลำบากต่างๆ มามากจึงต้องการความสงบสุขของสังคมมากกว่าเรื่องอื่น แต่เด็กรุ่นใหม่ที่เกิดหลังปี 1990 ในยุคที่มีฐานะมั่นคงและมั่งคั่งมากขึ้นให้ความสำคัญกับ values และวิถีการใช้ชีวิต มากกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ

Hong Kong Federation of Youth Groups ได้จัดทำ survey สอบถามวัยรุ่น 300 คน อายุ 18-29 ปี และผู้ปกครอง 302 คน อายุ 54-73 ปี ในรายงาน ระบุว่า 42% ของวัยรุ่นทะเลาะกับพ่อแม่บ่อยๆ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดย 71% ของเรื่องที่ทะเลาะกันกลายเป็นเรื่องการเมือง หัวข้อสภาพเศรษฐกิจและการใช้จ่ายเงินเป็นเรื่องที่ 2 รองลงมา ตามมาด้วยหัวข้อของการใช้ชีวิตในสังคมและการเรียนในทางตรงกันข้ามกลุ่มผู้ปกครองตอบว่า 56% ของเรื่องที่ทะเลาะกันจะเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและการใช้จ่ายเงินตามมาด้วยเรื่องการเมือง(42%), การใช้ชีวิตในสังคม และการเรียน

นอกจากนี้เมื่อให้คะแนนความสำคัญของ core values วัยรุ่นให้คะแนนอิสรภาพสูงถึง 8.1 จากคะแนนเต็ม 10 ส่วนผู้ปกครองให้คะแนนสูงสุด 7.77 เรื่องความมั่นคงทางสังคม มันน่าตกใจที่มีช่องว่างเรื่องความคิด อุดมการณ์ในครอบครัวได้มากขนาดนี้ หากรัฐบาลยังไม่สามารถปิดช่องว่างความคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างวัยให้กับพลเมืองฮ่องกง โอกาสที่วัยรุ่นเหล่านี้จะมาเรียกร้องเสรีภาพ แสดงออกด้วยการประท้วงทำลายข้าวของ ก็ไม่น่าจะจบได้เร็ว โดยเฉพาะ เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นภายในครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุดของสังคม

วิกฤติไวรัสโคโรน่าในเมืองจีนช่วยทำให้การประท้วงในฮ่องกงสงบลง ผู้คนไม่กล้าออกมาชุมนุม นับเป็นข้อดีที่ช่วยพักยกการประท้วง และให้ความสำคัญกับภัยไวรัสที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้มากกว่า

ดิฉันยังมีความหวังอย่างลมๆ แล้งๆ ที่อยากจะเห็นฮ่องกงกลับมาเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา น่าสนุก ผู้คนทันสมัย มีระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพ และเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาคเหมือนเดิม มีข่าวว่าจีนจะ promote เมืองเสินเจิ้นที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาแทนฮ่องกง ดิฉันคิดว่าจีนยังคงต้องใช้เวลาอีกซักพัก

ในปี 2019 ฮ่องกงเป็นตลาด IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้จะมีการชุมนุมประท้วงมาเกือบครึ่งปี โดยมีบริษัทนำหุ้นเข้าตลาด จำนวน 121 บริษัท มีมูลค่า 34,047 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่า NASDAQ, New York ของสหรัฐ เสียอีก บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง ALIBABA ก็นำหุ้นเข้าตลาดที่ฮ่องกง เพราะเป็นตลาดใหญ่ ที่มีความทันสมัย เป็นที่รู้จักของสถาบันการเงินทั่วโลก มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ

มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการชุมนุมประท้วงของกลุ่มเด็กวัยรุ่นมีผลกระทบมากมายมหาศาล

จะว่าไปแล้ว Gap หรือความแตกต่าง มันมีอยู่แล้วในธรรมชาติรอบตัวเรา มันเหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน ทั้งคุณและโทษ เราคงไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้หากไม่มีความต่างศักย์ทางไฟฟ้า เราคงไม่มีน้ำประปาใช้ ถ้าไม่มีความแตกต่างของระดับแรงดันในท่อส่งน้ำ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคุณประโยชน์กับชีวิตมนุษย์ แต่หากเราไม่ระมัดระวังและบริหารจัดการไม่ดีพอ เราก็จะถูกไฟฟ้าช๊อต ท่อน้ำแตกจนน้ำท่วมบ้าน เพราะฉะนั้น Gap เรื่อง Generation หรือ Gap เรื่องความคิดเห็นก็เป็นเช่นเดียวกัน รัฐบาลฮ่องกงต้องทำความเข้าใจและบริหารจัดการให้ดี ทบทวนหลักสูตรการเรียน การสอนในโรงเรียน มหาวิทยาลัย สนับสนุนกิจกรรม เพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัวเพื่อลดช่องว่างทางความคิด สื่อสารให้เข้าใจแนวทางการบริหารอย่างชัดเจนเพื่อเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวกัน

โลกจะดีขึ้นกว่านี้มาก หากทุกคนที่พบเจอเรื่องเหล่านี้ในประเทศ ในสังคมที่ทำงาน หรือในครอบครัว รู้จักเตือนตัวเองว่า “Please mind the gap”