โฆษก ตร.โผล่ตรวจสถานฑูตมะกัน ย้ำไทยเป็นมิตรกับทุกประเทศ

  

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 7 มกราคม 2563 พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พันตำรวจเอกนิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.ลุมพินี ได้เดินทางเข้าตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา กับอิหร่าน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติให้ฝูงบินโดรนยิงถล่มสนามบินกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ส่งผลให้นายพลกัสซิม สุไลมานี พร้อมทหารอารักษาอีกจำนวนหนึ่งเสียชีวิต

 

ภายหลังการตรวจสอบ พล.ต.ท.ปิยะ เปิดเผยว่า วันนี้ทางตำรวจได้เข้าตรวจสอบความพร้อม และตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่สถานทูต พร้อมทั้งได้สอบถามความต้องการของสถานทูต โดยได้พูดคุยกับผู้ช่วยฑูตฝ่ายความมั่นคง เบื้องต้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ซึ่งเรื่องนี้พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการในส่วนต่างๆ จัดกำลังดูแลเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยก็เรียบร้อยดีแล้ว เช่นเดียวกับที่สถานทูตอิหร่าน ซึ่งได้จัดกิจกรรมไว้อาลัยให้กับนายพลกัสซิม โดยในส่วนนี้ก็ได้เพิ่มกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยจากทุกภาคส่วนด้วยเช่นกัน สำหรับการข่าวตอนนี้ ยังไม่มีความผิดปกติอะไร เพราะประเทศไทยเราไม่ได้เป็นคู่กรณี และเป็นมิตรกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม เราต้องดูแลนักท่องเที่ยว และผู้เข้าพักอาศัยทุกคนให้เกิดความปลอดภัย

  

 

พลตำรวจโทปิยะ เปิดเผยอีกว่า สำหรับพื้นที่อื่นนอกจากสถานทูตฯ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ซึ่งในส่วนนี้ตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 ก็ได้วางแนวทางดูแลอย่างเต็มที่ หากพบสิ่งผิดปกติ ประชาชนสามารถแจ้งสายด่วน 191 ได้ทันที  สำหรับสถานเอกอัครราชทูตอิหร่าน  วันนี้ นายอัครามี่ (Mr.Akrami ) รักษาการแทนเอกอัคราชทูตอิหร่าน ประจำประเทศไทย ได้เดินทางออกมาต้อนรับคณะนายตำรวจ พร้อมกับกล่าวขอบคุณการทำงานของตำรวจไทย และยืนยันว่าทางการอิหร่าน เชื่อมั่นในการทำงานของทางตำรวจไทย และแม้บริเวณด้านหน้าสถานทูต  จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมไว้อาลัยนายพลกัสซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ คุดส์ ของอิหร่าน ทุกอย่างยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เนื่องจากอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท49/11 มีการสัญจรไปมาคับคั่ง  และยังมีอาคารตึกแถวอยู่รอบๆ  ซึ่งก็ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนของ  สน.ทองหล่อ  ลงพื้นที่  ตรวจสอบชาวต่างชาติและบุคคลต้องสงสัย และทำประวัติเพื่อเป็นการป้องกันอันตราย พร้อมยืนยันว่าการข่าวยังไม่พบความผิดปกติอะไร ประเทศไทยเป็นกลาง ไม่ใช่คู่กรณีกับใคร ต้องดูแลทุกคนทุกสถานทูต แต่หากใครพบความผิดปกติขอให้รีบแจ้งตำรวจได้ทันที สำหรับบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศนั้น ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้คัดกรองบุคคลอันตราย เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ หรือ บุคคลตามหมายจับสากล เป็นประจำอยู่แล้ว