สิงคโปร์หั่นฉากหญิงจูบหญิงใน 'สตาร์วอร์ส' ภาคล่าสุด

สิงคโปร์หั่นฉากหญิงจูบหญิงใน 'สตาร์วอร์ส' ภาคล่าสุด

สิงคโปร์หั่นฉากหญิงจูบหญิงใน"สตาร์วอร์ส"ภาคล่าสุด เหตุการแสดงออกของกลุ่มรักร่วมเพศเป็นเรื่องต้องห้ามในสิงคโปร์

คณะกรรมการควบคุมสื่อสารมวลชนของสิงคโปร์ ตัดสินใจสั่งให้บริษัทดิสนีย์ บริษัทสื่อบันเทิงชั้นนำของโลกตัดฉากจูบของเลสเบี้ยนคู่หนึ่งออกจากภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ภาคล่าสุดที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า“กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์” เพื่อให้กลุ่มผู้ชมที่เป็นเด็กสามารถรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้

ทั้งนี้ ในฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องสตาร์ วอร์ส ภาคล่าสุด ที่นำออกฉายตามโรงภาพยนต์ในสิงคโปร์ จะเหลือแค่ภาพการโอบกอดกันระหว่างตัวละครหญิงรุ่นเยาว์ 2 คน โดยภาพยนต์มหากาพย์ตอนนี้เป็นภาคที่ 9 และภาคสุดท้ายของหนังสงครามอวกาศ ที่นำเสนอเป็นตอนมายาวนานกว่า 40 ปี และมีสาวกหลายล้านคนทั่วโลกเฝ้าติดตาม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกจัดเรตติ้งไว้ที่ PG-13 ในสิงคโปร์ และเมื่อไม่มีฉากจูบของเลสเบี้ยน จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนต์ที่เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป และควรมีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำ ขณะที่เรตติ้งที่สูงกว่านี้ คือการจำกัดวงผู้ชมเฉพาะผู้ที่มีอายุ 16 ปี 18 ปี และ 21 ปี หรือมากกว่านั้น

ด้านบริษัทดิสนีย์ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าจะมีการเซ็นเซอร์ฉากหญิงจูบหญิงในประเทศอื่นๆด้วยหรือไม่ ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลาง ท่ามกลางรายงานข่าวว่าฉากนี้ถูกลบออกจากภาพยนตร์ที่ฉายในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทั้งนี้ สิงคโปร์เข้มงวดเรื่องการแสดงออกของกลุ่มรักร่วมเพศ หรือการแสดงความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน ด้วยการกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี อีกทั้งทางการสิงคโปร์ ยังออกกฎหมายห้ามเกย์ เข้ารับราชการในกองทัพของประเทศ

เช่นเดียวกับประเทศที่มีประชากรมุสลิมส่วนใหญ่ อย่างบรูไน ที่ประกาศบทลงโทษโดยใช้กฎหมายตามหลักศาสนาอิสลามต่อกลุ่มผู้ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศภายในประเทศ ด้วยวิธีการปาหินจนเสียชีวิตที่สวนทางกับโลกปัจจุบันที่เปิดกว้าง และให้โอกาสกับกลุ่มผู้มีรสนิยมรักร่วมเพศ

บรรดาคนดังทั้งในแวดวงบันเทิงและแวดวงธุรกิจรวมถึง จอร์จ คลูนี่ย์ หรือ เอเลน ดิเจอนารีส ต่างแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย ต่อต้านการใช้กฎหมายดังกล่าวของบรูไน และมีการรณรงค์ให้คนทั่วโลกร่วมกันคว่ำบาตรกิจการโรงแรมที่ราชวงศ์บรูไน ถือหุ้นอยู่เพื่อแสดงให้เห็นว่า การตรากฎหมายดังกล่าวออกมาใช้เป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง

ที่ผ่านมา อิพซอส สำนักงานวิจัยของฝรั่งเศษ ได้เผยแพร่ผลสำรวจออนไลน์ในสิงคโปร์ พบว่า ชาวสิงคโปร์เกินครึ่งยังคงสนับสนุนกฎหมายต่อต้านพฤติกรรมการรักเพศเดียวกัน ท่ามกลางข้อถกเถียงเถียงครั้งใหม่ว่า สิงคโปร์ ควรจะดำเนินรอยตามอินเดียที่ยกเลิกกฎหมายสมัยอาณานิคมอังกฤษที่ห้ามพฤติกรรมรักร่วมเพศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ความพยายามที่จะยกเลิกกฎหมายห้ามรักร่วมเพศต้องหยุดไปชั่วคราว

กฎหมายอาญาสิงคโปร์ มาตรา 377A ระบุว่า ผู้ชายที่ถูกจับได้ว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันจะต้องถูกจำคุกสูงสุดเป็นเวลา 2 ปี แม้ที่ผ่านมาจะมีการดำเนินคดีน้อยมาก และกฎหมายไม่ได้ระบุถึงรักร่วมเพศระหว่างผู้หญิงด้วยกัน