สธ. เปิดศูนย์ One Stop Service คนพิการ แห่งแรก

สธ. เปิดศูนย์ One Stop Service คนพิการ แห่งแรก

สธ. เปิดศูนย์ One Stop Service คนพิการ แห่งแรกที่ รพ.ระยอง เล็งขยายให้ครอบคลุมใน รพ.ศูนย์-รพ.ทั่วไป อย่างน้อย เขตสุขภาพละ 1 แห่งทั้ง 12 เขตสุขภาพในปี 2563

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 62 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดศูนย์บริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จในโรงพยาบาลระยอง พร้อมมอบขาเทียม แขนเทียม รถเข็นและเครื่องช่วยฟังแก่ผู้พิการ 153 ราย ว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการและดูแลสุขภาพคนพิการ ทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันรักษาโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์ร่วมกับกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการโครงการ “การดูแลสุขภาพคนพิการแบบครอบคลุมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ปี 2563” ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 เพื่อให้คนพิการมีสิทธิเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงสวัสดิการและความช่วยเหลือจากภาครัฐ

ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า ในปี 2563 จะเปิด “ศูนย์บริการคนพิการในโรงพยาบาลแบบเบ็ดเสร็จ” One Stop Serviceให้บริการครอบคลุมทั้งบริการด้านสุขภาพและสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนพิการได้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต อาทิ การจดทะเบียนและออกบัตรประจำตัวคนพิการ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความพิการและการปรับตัว การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ การศึกษา การฝึกอาชีพ การหาผู้ช่วยเหลือคนพิการ

" การประเมินและฝึกใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ การรับเบี้ยสงเคราะห์ การกู้ยืมกองทุนสนับสนุนคนพิการ ดำเนินการในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป อย่างน้อยเขตสุขภาพละ 1 แห่งใน 12 เขตสุขภาพ เริ่มแห่งแรกที่โรงพยาบาลระยอง โดย จ.ระยอง มีผู้พิการมาขึ้นทะเบียน 16,782คน ร้อยละ 58 เป็นความพิการทางการเคลื่อนไหว รองลงมาพิการทางการได้ยินและการมองเห็น " ดร.สาธิต กล่าว

ดร.สาธิต กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ได้ลงนามความร่วมมือพัฒนาระบบสาธารณสุข กับเขตสุขภาพที่ 6 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ส่งเสริม พัฒนาขีดความสามารถในการจัดการสุขภาพตนเองของประชาชนและชุมชน รองรับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ทั้งการพัฒนาการสาธารณสุขทางทะเลรองรับความจำเป็นทางสุขภาพ การท่องเที่ยว สาธารณสุขชายแดน รองรับการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรังผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ และการเติบโตสู่สังคมดิจิทัล

"ประเด็นที่จะดำเนินการพัฒนาขับเคลื่อนร่วมกันกับเขตสุขภาพที่ 6 มี 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ 1.การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ อาทิ อบรมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ แพทย์ผ่าตัดกระดูกและข้อ แพทย์ศัลยกรรม " รมช.สาธารณสุข กล่าว

รมช.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า 2.การพัฒนาระบบบริการและระบบส่งต่อ อาทิ ระบบบริการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว พัฒนาห้องปฏิบัติการพิษวิทยา พัฒนาการตรวจสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงพิเศษ ผู้ทำงานในที่สูง งานเชื่อม จัดระบบทางด่วนรับส่ง-ต่อ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke-Refer)ภายใน 24 ชั่วโมง และ3.การพัฒนาถ่ายทอดเทคโนโลยี อาทิ หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด การผลิตแม่พิมพ์ขึ้นรูปกายอุปกรณ์ ฯลฯ