“70 ปีนาโต้” องค์การแห่งความขัดแย้ง

“70 ปีนาโต้” องค์การแห่งความขัดแย้ง

ปีนี้ครบรอบ70ปีก่อตั้งนาโต้แต่องค์การนี้ยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ขณะ"ทรัมป์" เตือนประเทศสมาชิกนาโต้ที่รับภาระค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมของนาโต้ไม่ถึงเกณฑ์ 2% ของจีดีพีอาจเจอมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ

องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) เปิดฉากการประชุมประจำปี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ"บอริส จอห์นสัน" นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ถือโอกาสเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกนาโต้มีความเป็นปึกแผ่นและเป็นหนึ่งเดียว แต่น่าเสียดายที่การประชุมครั้งนี้ ถูกบดบังด้วยความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสและตุรกี รวมทั้งการถกเถียงกันเกี่ยวกับการสนับสนุนงบประมาณของประเทศสมาชิก

เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายเมฟลุต คาวูโซกลู รมว.ต่างประเทศตุรกี เรียกร้องให้นาโต้แสดงความเป็นเอกภาพกับตุรกี ในความพยายามของตุรกีในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย และกำจัดภัยคุกคามทางตอนเหนือของซีเรีย ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวถึงนาโต้ว่าเป็นองค์การที่สมองตายแล้ว แถมยังบอกด้วยว่าประเทศสมาชิกภายในกลุ่มไม่ได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาในประเด็นสำคัญๆอีกต่อไปแล้ว

ปีนี้ เวทีประชุมผู้นำนาโต้ กลายเป็นพื้นที่ปะทะคารมระหว่างผู้นำสหรัฐและฝรั่งเศส เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ และประธานาธิบดีมาครง แสดงความเห็นที่แตกต่างหลายเรื่อง เช่น การแบ่งภาระค่ายใช้จ่ายของนาโต้ เรื่องการก่อการร้าย และการบุกดินแดนทางเหนือซีเรียของกองทัพตุรกี โดยทรัมป์ วิจารณ์ประธานาธิบดีมาครงว่าพูดจาไม่เหมาะสม และไม่ให้ความเคารพองค์การนาโต้ หลังมาครง กล่าวว่านาโต้กำลังเผชิญกับ สภาพสมองตายเนื่องจากบทบาทผู้นำของสหรัฐในนาโต้ลดลง

157559099812

นอกจากนี้ ระหว่างที่นั่งหารือกันกับมาครง ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็เตือนประเทศสมาชิกนาโต้ ที่รับภาระค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมของนาโต้ไม่ถึงเกณฑ์ 2% ของขนาดเศรษฐกิจประเทศ ว่าอาจเผชิญกับมาตรการทางเศรษฐกิจ เช่น ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นสำหรับไวน์จาก ฝรั่งเศส

เมื่อพูดเรื่องการจ่ายเงินสนับสนุนให้กับนาโต้ ในส่วนของฝรั่งเศส ให้เงินสนับสนุนนาโต้ คิดเป็น 1.9% ของจีดีพีประเทศ และในบรรดาสมาชิก 29 ประเทศ มีเพียง 9 ประเทศเท่านั้นที่ปฏิบัติตามเกณฑ์ 2%

157559041766

แต่มาครง ก็ตอบโต้ทรัมป์ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว ทั้งยังตั้งคำถามกลับไปที่ทรัมป์เกี่ยวกับความสงบสุขในยุโรป พร้อมกล่าวกระทบไปถึงสหรัฐว่า ขณะนี้ประเทศในยุโรปกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่จากขีปนาวุธของรัสเซีย

ถ้อยแถลงของมาครงต้องการจะแซะประเด็นที่่รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ถอนตัวออกจากความตกลง เมื่อปี 2530 ในยุคปลายสงครามเย็นกับรัสเซียกรณีการควบคุมขีปนาวุธพิสัยกลาง ในเดือนสิงหาคมและเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีมาครง กล่าวถึงภัยจากกลุ่มรัฐอิสลาม ทั้งคู่ก็มีความเห็นต่างกัน เมื่อตอบคำถามนักข่าวในประเด็นที่ว่า ฝรั่งเศสจะดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่ในการจัดการกับสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม ที่ถูกจับกุมตัวในตะวันออกกลาง

ในเรื่องนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า ฝรั่งเศสสนใจจะรับนักรบกลุ่มรัฐอิสลามไปบ้างหรือไม่ และประธานาธิบดีมาครงตอบโต้ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน เป็นผลของการถอนทหารสหรัฐอย่างฉับพลันในดินแดนชาวเคิร์ดที่อยู่ทางเหนือของซีเรีย

เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีมาครงให้สัมภาษณ์นิตยสารดิ อีโคโนมิสต์ว่า ประเทศในยุโรปคงไม่สามารถพึ่งพาสหรัฐให้คอยปกป้องประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือนี้ได้อีกต่อไป

“มาร์ติน เควนเซส” รองผู้อำนวยการเยอรมัน มาร์แชล ฟันด์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงปารีส ให้ความเห็นว่า สิ่งที่มาครงทำ ด้วยการเปิดวิวาทะเรื่องความมั่นคงของยุโรปกับทรัมป์ น่าจะเป็นเพราะต้องการให้เกิดการถกเถียงกันเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพื่อเปิดเผยถึงจุดยืนของแต่ละประเทศให้ชัดเจน ภายใต้การเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงของมาครง ฝรั่งเศสสามารถแสดงบทบาทเพื่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างสร้างสรรค์ต่อนาโต้ได้

อย่างไรก็ตาม การปะทะคารมระหว่างทรัมป์และมาครง เป็นเหตุการณ์ที่นาโต้ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เพราะความไม่ลงรอยกันของผู้นำทั้งสองคน สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดต่อการเจรจาเรื่องอื่นๆที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่นการแบ่งภาระค่าใช้จ่ายของนาโต้

เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ กล่าวว่าความเป็นผู้นำของสหรัฐในประเด็นนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้

"งบประมาณกลาโหมของนาโต้เพิ่มขึ้น 130,000 ล้านดอลลาร์ ในกลุ่มประเทศสมาชิกที่ไม่ใช่สหรัฐ และน่าจะเพิ่มเป็น 400,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 5 ปีนับจากนี้ไป

นอกจากจะพูดคุยกันด้วยอารมณ์กับผู้นำฝรั่งเศสแล้ว ในการประชุมนาโต้ปีนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวหานายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา ว่า ตีสองหน้า หลังจากเห็นภาพวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่านายกฯแคนาดาและผู้นำประเทศอื่นรวมกลุ่มกันเมาท์มอยตนในงานเลี้ยงรับรอง

วิดีโอจากงานเลี้ยงต้อนรับบรรดาผู้นำที่พระราชวังบักกิงแฮมในคืนวันจันทร์(2ธ.ค.) แสดงให้เห็นนายกรัฐมนตรีทรูโด นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ของอังกฤษ นายกรัฐมนตรีมาร์ค รู้ทของเนเธอร์แลนด์ ประธานาธิบดีมาครง ของฝรั่งเศศ และเจ้าหญิงแอนน์ แห่งราชวงศ์อังกฤษ กำลังยืนจับกลุ่มกัน และมีเสียงทรูโดกล่าวถึงทรัมป์ว่ามาช้าเพราะมัวแต่คุยกับนักข่าว

157559101582

ส่วนทรัมป์ ก็บอกว่า นายกฯ ทรูโดไม่พอใจที่ตนบอกว่าแคนาดาไม่ยอมทำตามเงื่อนไขทางการเงินของนาโต้

ถึงแม้จะมีความขัดแย้งกันระหว่างผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่ที่เป็นสมาชิกนาโต้ แต่ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์จากการประชุมสุดยอดนาโต้ปีนี้ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของระบบการสื่อสาร รวมไปถึง 5จี ซึ่งตระหนักถึงความจำเป็นที่จะวางใจใช้ระบบที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น และยังกล่าวถึงการประกาศให้อวกาศ เป็นขอบเขตการดำเนินงานอีกอย่างหนึ่งของนาโต้ โดยเน้นในการทำให้โลกปลอดภัยและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยบนหลักกฎหมายระหว่างประเทศ