ธรรมนัส ปิ๊งไอเดีย เก็บเงินนักท่องเที่ยว 300 บาท ซื้อสินค้าเกษตรไทย
“ธรรมนัส” ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอเพิ่มค่าตั๋วเครื่องบินนักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาทต่อคน ซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อป มอบเป็นที่ระลึก ชี้เพื่อยกระดับราคาและช่วยเหลือเกษตรกร คาดประกาศใช้ปีหน้า
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุม โครงการ Thailand Welcome Prize เพื่อมอบหมอนยางพาราประชารัฐ ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์โอท็อป เป็นของขวัญของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติในประเทศไทย ว่า มาตรการยกระดับราคาสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรฯมีแนวคิดให้องค์การตลาดเพื่อการเกษตร(อ.ต.ก.) ซื้อ หรือประสานงานจัดหาหมอนพารา กว่า 31.2 ล้านใบต่อปี ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์โอท็อป เพื่อมอบให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นต้องแก้ พ.ร.ก. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ให้สามารถเรียกแก็บเงิน International Tourist Tax จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ในอัตรา 200-300 บาทต่อคน โดยให้ทุกสายการบิน เรียกเก็บเงินดังกล่าวรวมในค่าตั๋วโดยสาร ส่งให้กับบริษท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) และส่งต่อให้กับอ.ต.ก. เพื่อนำไปใช้ ดำเนินโครงการThailand Welcome Prize จัดซื้อหมอนยางพาราประชารัฐ ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์โอท็อป เป็นของขวัญของที่ระลึก
“โครงการนี้ยึดโมเดลโครงการซาโยนาระ หรือภาษีขาออก ของญี่ปุ่นมาดำเนินการ ที่เก็บเงินเงิน 300 บาทต่อคน แต่ของไทยจะเพิ่มในตั๋วขาเข้าอยู่ในอัตรา 200-300 บาท ถือว่าไม่สูงมาก นักท่องเที่ยวอาจไม่รู้สึกว่ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่เงินที่จ่ายไปจะมีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรที่มีปัญหาด้านตลาดและราคาสินค้าตกต่ำอย่างยางพารา ผลไม้ตามฤดูกาล โดยยางพารานั้นอาจมีตอบสนองนโยบายรัฐที่จะผลักดันให้ถึงกิโลกรัมละ 65 บาทและมีการใช้ยางกว่า5 แสนตันต่อปีได้"
นอกจากนี้ อตก. จะทำเวบไซด์ และ แอพลิเคชั่น เพื่อจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดทั้งภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย และเกาหลีใต้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ สามารถจ่ายเงินผ่านแอพลิเคชั่น หรือบัตรเครดิต รวมทั้งมีบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้ง อ.ต.ก. จะมีฐานข้อมูลของนักท่องเที่ยว กว่า 31 .2 ล้านคนต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นทุกปีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย
ทั้งนี้เบื้องต้นได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ ซึ่งทุกฝ่ายเห็นชอบในหลักการ มีเพียงการท่องเที่ยวฯที่ยังกังวลว่าจะทำให้เป็นภาระกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ดังนั้นจึงอ.ต.ก. จึงต้องทำรายละเอียดและหารือร่วมกันอีกครั้งก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป โดยคาดว่าจะโครงการนี้จะดำเนินการได้ในปี 2563







