'อีเอ’ร้องกลต.-ตลาดหลักทรัพย์ เอาผิดมือปล่อยข่าวลือ

ราคาหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์(EA) ปรับลดลงรุนแรงตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดเช้าของวานนี้(30ต.ค.) หลังมีข่าวลือสารพัดปัจจัยเข้ามากระทบ และแม้ผู้บริหารจะออกมาปฎิเสธข่าวลือดังกล่าว แต่ไม่สามารถคลายความกังวลของผู้ลงทุนได้ โดยราคาหุ้น EA ปิดตลาดวานนี้ที่ 41.5 บาท ลดลง 4.00 บาท คิดเป็นการลดลง 8.79% มูลค่าการซื้อขายรวม 3,768.69 ล้านบาท

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA กล่าวว่า สาเหตุที่หุ้น EA ร่วงหนัก เพราะมีคนบางกลุ่มพยายามปล่อยข่าวลือเพื่อหวังผลต่อราคาหุ้น โดยบริษัทได้เร่งชี้แจงนักลงทุน และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะร้องเรียนไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ปล่อยข่าว

“เรื่องที่มีกลุ่มคนปล่อยข่าวลือหวังทุบหุ้นนั้น เรากำลังพูดคุยกันอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งต้องหามาตรการมาปกป้องนักลงทุน เพราะเป็นผู้ที่เสียหาย โดยหลังจากนี้อาจมีการไปร้องเรียนต่อก.ล.ต.ให้ดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดหรือร้องเรียนอะไรที่เราทำได้"

ส่วนกรณีข่าวลือว่า สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด ได้ยกเลิกจองสิทธิซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ( EV) และอะไหล่ จำนวน 3,500 คัน กับบริษัทไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น หรือ MMC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA ที่ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนายังไม่ได้ยกเลิกการจองซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างใด และบริษัทคาดจะสามารถทยอยส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าได้ในช่วงปี 2563

ส่วนของกระแสข่าวลือว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2562 ของบริษัทจะออกมาในทิศทางที่ไม่ดี ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเช่นกัน โดยเชื่อมั่นว่ายังเป็นไปตามที่คาดไว้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีมูลค่าเท่าไหร่เพราะอยู่ในช่วงระหว่างประกาศงบการเงิน โดยบริษัทจะมีการรับรู้รายได้แบบเต็มไตรมาสของโครงการลมหนุมาน ขนาดกำลังผลิต 260 เมกกะวัตต์ (MW) รวมถึงเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากลม ซึ่งทำให้บริษัทรับรู้จากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมรวม 664 MW

นางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่าฝ่ายวิจัยฯแนะ EA เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ยังน่าลงทุน เพราะเป็นหุ้นที่มีอัพไซด์สูง,ราคายังต่ำกว่ากลุ่ม และแนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปียังเติบโตได้ดี 

ส่วนสาเหตุที่หุ้นโรงไฟฟ้าร่วงแรงหลายบริษัท มาจากถูกแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากที่ตลอดปีนี้หุ้นในกลุ่มนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากความคาดหวังการเติบโตของกำไรและกระแสการหลบเลี่ยงเข้ามาลงทุนในหุ้น Domestic ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้า จึงทำราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นมาก

ขณะที่หากไปดูผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้านับตั้งแต่ต้นปีหลายบริษัทปรับตัวร้อนแรง เช่น GULF พุ่งขึ้นมากสุดถึง 102%, BGRIM +84%, RATCH +50%, EGCO +46%, GPSC +44% และ CKP +26% เป็นต้น โดยเมื่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าขึ้นแรงขนาดนี้ก็ย่อมมีการปรับฐานเกิดขึ้น ดังนั้นหากจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ก็จำเป็นต้องกลับมาพิจารณามูลค่าพื้นฐานเป็นหลัก