‘บลจ.เอเชียเวลท์’ลั่นกลต.แบนซีอีโอ3ปี'ไม่กระทบ'ธุรกิจ
"บลจ.เอเชียเวลท์" ยืนยันเดินหน้าธุรกิจต่อ เตรียมประชุมบอร์ดหา “ซีอีโอ” ใหม่แทน “ศุภกร สุนทรกิจ” หลังถูก กลต. สั่งพักงาน 3 ปี ฐานละเลยการตรวจสอบดูแลระบบวิเคราะห์คัดเลือกตราสารหนี้
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ กรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอเชีย เวลท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ บลจ.เอเชีย เวลท์ จะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อรับทราบคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ที่สั่งพัก นายศุภกร สุนทรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอเชีย เวลท์ ต่อการทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ขณะเดียวกันจะพิจารณาแต่งตั้งบุคคลอื่นเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทนนายศุภกร
“ในที่ประชุมคงพิจารณาถึงสาเหตุของเรื่องดังกล่าวว่าเกิดจากอะไร และจะกำชับให้ผู้บริหารที่ดูแลเรื่องนี้ ต้องดำเนินการอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เรายืนยันว่าตัว บลจ. จะยังทำธุรกิจต่อไป เพราะปัจจุบันผลดำเนินงานถือว่าดีและมีกำไร”
ทั้งนี้ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้สั่งพักการให้ความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน 2 ราย ได้แก่ 1. นายศุภกร สุนทรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอเชีย เวลท์ จำกัด จำนวน 3 ปี กรณีละเลยการตรวจสอบดูแลระบบการวิเคราะห์และคัดเลือกตราสารหนี้ที่จะนำมาเสนอขายแก่ลูกค้า และมีการกระทำที่พิจารณาได้ว่าไม่คำนึงถึงประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า และ 2.นางอภิรติ ชัยรัตน์ อดีตกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารความมั่งคั่ง จำนวน 2 ปี กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพโดยบกพร่องในการควบคุมดูแลให้มีการวิเคราะห์และคัดเลือกตราสารหนี้ที่จะนำมาเสนอขายแก่ลูกค้า
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้เข้าตรวจสอบการดำเนินงานของ บลจ.เอเชีย เวลท์ ซึ่งประกอบธุรกิจ (1) นายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ (2) นายหน้าซื้อขาย ค้าและจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน (LBDU) และ (3) จัดการกองทุนส่วนบุคคล
จากการตรวจสอบพบข้อบกพร่องอย่างมากในการเป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ในระบบงานการวิเคราะห์และคัดเลือกตราสารหนี้ที่จะนำมาเสนอขายแก่ลูกค้า ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้บริหาร 2 ราย โดย นายศุภกร บกพร่องในการกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานของ Wealth Committee ซึ่งมีหน้าที่วิเคราะห์และคัดเลือกตราสารหนี้เพื่อเสนอขายให้แก่ลูกค้า แต่นายศุภกรไม่ได้พิจารณาปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
นอกจากนี้ ในการเสนอขายตราสารหนี้ของบริษัทแม่ ซึ่งเข้าข่ายมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ นายศุภกร ไม่ได้กำกับดูแลให้มีการดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เช่น ไม่ได้วิเคราะห์หรือมีเอกสารหลักฐานสนับสนุนว่าผลตอบแทนที่บริษัทแม่จ่ายให้แก่ลูกค้าเหมาะสมหรือไม่
ส่วนนางอภิรติ ชัยรัตน์ อดีตกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในสายงานบริหารความมั่งคั่ง มีหน้าที่กำกับดูแลให้มีการวิเคราะห์และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ออกตราสารหนี้ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ก่อนนำเสนอ Wealth Committee แต่พบกรณีที่ฝ่ายงานภายใต้การดูแลของนางอภิรตินำเสนอเอกสารหรือข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน โดยนางอภิรติมิได้สั่งการให้มีการกระทำการใดเพิ่มเติม จึงพิจารณาได้ว่านางอภิรติไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และรอบคอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ
รายงานจากก.ล.ต.ระบุด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของบุคคลทั้ง 2 ราย เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ก.ล.ต. จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนายศุภกร เป็นเวลา 3 ปี และนางอภิรติ เป็นเวลา 2 ปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-กรุงศรีชี้เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง โอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยต่ำ หั่นจีดีพีเหลือ2.9%ส่งออกติดลบ2.8%
-เศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติปี 2540
-จับตาประกาศจีดีพี เศรษฐกิจไทยไตรมาส2 ชะลอโตแค่2.7%
-อาเซียนจะอยู่อย่างไรในเศรษฐกิจโลกแบบนี้