เจาะเหตุผล ‘มูกาเบ’ ปิดฉากชีวิตที่ ‘สิงคโปร์’

เจาะเหตุผล ‘มูกาเบ’ ปิดฉากชีวิตที่ ‘สิงคโปร์’

รายงาน: “โรเบิร์ต มูกาเบ” อดีตประธานาธิบดีซิมบับเว ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต ณ หนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเอเชียในสิงคโปร์ ซึ่งห่างไกลจากบ้านเกิดของเขากว่า 8,000 กิโลเมตร

ญาติของมูกาเบเผยกับเอเอฟพีว่า มูกาเบเสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ย.) ด้วยวัย 95 ปี ที่โรงพยาบาลเกลนอีเกิลส์ในสิงคโปร์ โดยมีสมาชิกครอบครัวพร้อมหน้ามาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย

หลายคนอาจสงสัยว่า เหตุใดผู้นำแอฟริกันรายนี้ถึงเลือกบินมารักษาตัวที่ดินแดนห่างไกลอย่างสิงคโปร์

ประเทศที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวดแห่งนี้ ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวและไม่มีวัฒนธรรมปาปารัซซี่และสื่อมวลชนที่มีพฤติกรรมคุกคามผู้อื่น ขณะเดียวกัน ระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์ยังได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง โดยมีบริการที่หลากหลายตั้งแต่การตรวจคัดกรองโรค ไปจนถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดระดับไฮเอนด์

บุคคลที่มีชื่อเสียงแง่ลบอย่างมูกาเบไม่คาดหวังที่จะต้องเจอผู้ประท้วงคอยรังควาน เนื่องจากสิงคโปร์มีกฎหมายเข้มงวดห้ามไม่ให้มีการชุมนุมทางการเมือง

แม้กระทั่งหลังมูกาเบเสียชีวิตไปแล้ว ยังไม่มีใครยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเขารักษาตัวที่โรงพยาบาลใด ทำให้ทัพสื่อมวลชนพากันแตกตื่นทันทีหลังมีการประกาศข่าวการจากไปของอดีตผู้นำในกรุงฮาราเรของซิมบับเว

สื่อท้องถิ่น ระบุว่า ช่วงแรก มูกาเบติดต่อโรงพยาบาลในสิงคโปร์เพื่อทำการรักษาต้อกระจกเมื่อปี 2554 และกลับมารักษาอีกครั้งในปี 2557 หลังจากนั้น เขาก็มาสิงคโปร์บ่อยขึ้น

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพี เผยว่า เห็นมูกาเบที่โรงพยาบาลเกลนอีเกิลส์เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวต่อสาธารณชนนับตั้งแต่ถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งหลังกองทัพเข้ายึดอำนาจ ปิดฉากยุคปกครองเผด็จการ 37 ปีของเขา

มูกาเบเดินทางกลับมาที่สิงคโปร์อีกครั้งในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาสุขภาพทรุดหนัก และญาติบอกว่า เขาเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ตลอดขณะพำนักในสิงคโปร์

อดัม โมไล หลานชายของมูกาเบเผยกับผู้สื่อข่าวในสิงคโปร์ว่า อดีตผู้นำรายนี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเกลนอีเกิลส์ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคชรา และว่า ครอบครัวของมูกาเบมายืนรายล้อมเพื่อส่งดวงวิญญาณของเขาขณะกำลังสิ้นลมก่อนจะจากไปอย่างสงบ

“ในช่วงหลายวันสุดท้ายของชีวิต มูกาเบพร่ำบอกทุกคนว่าเขารักครอบครัวของเขามากแค่ไหน”

สำหรับค่าใช้จ่ายของการนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกลนอีเกิลส์นั้น เว็บไซต์โรงพยาบาลระบุว่า ราคาห้องสูทอยู่ที่ระหว่าง 1,158-7,588 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อวัน ขณะที่การนอนรักษาตัวที่ถูกที่สุดคือห้องผู้ป่วยรวม 4 เตียง ราคา 259 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อวัน

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวมูกาเบกับสิงคโปร์นั้น เอเอฟพีเผยว่า มูกาเบและเกรซ ภริยา เคยเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อเยี่ยม “โบนา” บุตรสาวเนื่องจากเธอเคยศึกษาในสิงคโปร์ นอกจากนั้น ทั้งคู่ยังร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารจัดการด้านการเงินและธนาคารของบุตรสาวด้วย

ภริยาของมูกาเบ ซึ่งสื่อตั้งฉายาว่า “กุชชี่เกรซ” ขึ้นชื่อเรื่องการใช้เงินชอปปิงอย่างฟุ่มเฟือยไปทั่วโลก มีรายงานว่าเธอจ่ายเงิน 10,700 ดอลลาร์เพื่อซื้อกระเป๋าถือแบรนด์เนมใบหนึ่งที่ร้านค้าในสิงคโปร์ด้วย

ในสมัยเป็นผู้นำซิมบับเว มูกาเบหวังจะนำพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยภายใต้ระบอบรัฐสภา โดยเขาได้ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนผิวดำมากมายอย่าง เช่น เพิ่มค่าจ้าง ช่วยให้เข้าถึงบริการสาธารณะต่าง ๆ และแจกจ่ายอาหาร 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาปลดผู้นำชนกลุ่มน้อยออกจากรัฐบาล ก็ทำให้ความยุ่งยากตามมา มีการปะทะกันระหว่างชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจของซิมบับเวทรุดลงอย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้ประชาชนผิวขาวซึ่งเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจประเทศต่างพากันอพยพออกไป เพราะกังวลต่อความปลอดภัยของตนเอง