อิ่มอร่อยคลองสาน งบไม่บานปลาย

อิ่มอร่อยคลองสาน งบไม่บานปลาย

เริ่มต้นกันที่ธนบุรีดีไลท์ ไอคอนสยาม กินข้าวเหนียวมะม่วงที่เจริญนครช้อป ต่อด้วยร้านครีม เจริญนคร 9 แล้วข้ามสะพานลอยไปลิ้มรสข้าวมันไก่แสงเจริญนคร ก๋วยจั๊บเจ๊จู ตบท้ายด้วยบัวลอยสามหนูข้างวัดสุวรรณ

นี่คือเส้นทางอิ่มอร่อยกันแบบสบายๆสไตล์ @Taste (คำแนะนำกรุณาหาเพื่อนกินมาด้วยจะช่วยได้มาก)

เจริญนครช้อป

อยากจะกินมะม่วงน้ำดอกไม้รสหวานเนื้อสุกกำลังดีกับข้าวเหนียวมูนเมล็ดข้าวสวยรสเค็มนิดหน่อยแต่มีความหอมมันที่เข้ากัน แม้ว่าจะเป็นมะม่วงนอกฤดู มาที่เจริญนครช้อปไม่มีผิดหวัง

ร้านนี้ตั้งอยู่ในโซนธนบุรีดีไลท์ (ชั้นเดียวกับโซนสุขสยาม) ไอคอนสยาม อยู่ทางด้านติดถนนเจริญนคร เป็นบริเวณที่คัดสรรสินค้าเด่นของฝั่งธนซึ่งมีทั้งงานหัตถกรรมหัวโขนไทยจากบ้านโขนไทย  งานปั้นดินของจิ๋วจากร้านสานฝัน รวมไปถึงงานถักสารพัดของร้านเจ๊จุ๊บเจเนอรัล ที่สาวๆไต้หวันยอมเข้าคิวรองานกระเป๋าถักนานถึง 6 เดือน

กลับมาถึงของกินประจำถิ่นที่ต้องเข้าคิวรอกินแต่ไม่นาน เพราะเจ้าของร้านเชี่ยวชาญในการปอกมะม่วงมาก ชนิดที่ว่าปอกเร็วแต่มีเส้นริ้วที่สวยงาม แม้ว่าราคาจะสูงสักหน่อยมะม่วงน้ำดอกไม้ 1 ลูกจัดเป็นชุดพร้อมข้าวเหนียวมะม่วง 1 ขีด กล่องละ 100 บาท แต่ถ้าลองได้ชิมรสชาติแล้ว...เรายอม

เกศรา ผู้ล้ำเลิศ บอกว่ามะม่วงที่ร้านนี้มีเฉพาะน้ำดอกไม้ที่สั่งตรงจากสวนเจ้าประจำในจังหวัดฉะเชิงเทรา ประสบการณ์การคัดเลือกมะม่วงของเธอเรียกว่ายาวนาน เพราะนอกจากสั่งมาขายเองที่เจริญนครช้อปแล้ว เธอยังเป็นผู้จัดจำหน่ายมะม่วงน้ำดอกไม้ให้กับร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯหลายร้าน อีกด้วย

นอกจากมะม่วงดีแล้ว ข้าวเหนียวมะม่วงต้องเด่น วิธีมูนข้าวเหนียวเป็นสูตรดั้งเดิมของคุณยายที่ใช้ข้าวเหนียวพันธุ์ดีเมล็ดยาวจากจังหวัดเชียงรายมาหุงกับกะทิสดๆ

“วันไหนมะม่วงหวานจัด ข้าวเหนียวต้องให้มีรสเค็มหน่อย ถ้าวันไหนมะม่วงมีรสออกเปรี้ยว ข้าวเหนียวต้องปรุงรสให้ออกหวาน” นี่คือ เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

เราสั่งข้าวเหนียวมูนและมะม่วงน้ำดอกไม้ผลสวยเอาไว้โดยจะแวะมารับขากลับ สำหรับตอนนี้ขอสตาร์ทด้วยน้ำมะม่วงปั่นสักแก้ว สำหรับทัวร์กินถิ่นคลองสานในร้านถัดไป

 จากร้านไอศกรีมของคุณพ่อสู่ร้านครีมอารมณ์วินเทจ

  เรือนไม้สีขาวอายุ 80 ปีหลังนี้ตั้งอยู่ปากซอยเจริญนคร 9 แม้ว่าอายุอานามจะมากแล้วแต่ความสวยยังคงมีเสน่ห์ให้อารมณ์วินเทจนิดๆ เข้าไปแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบหวนคิดถึงวัยเยาว์ขึ้นมาทันใด

สรภพ มณีเนตร เล่าให้ฟังว่าบ้านหลังนี้เป็นของครอบครัว ในช่วงแรกใช้เป็นคลีนิคของคุณลุง ต่อมาเปลี่ยนเป็นร้านไอศกรีมเพราะว่าคุณพ่อชอบทำไอศกรีม ลูกค้ากินไอศกรีมแล้วอยากรับประทานอาหาร คุณพ่อจึงเพิ่มเมนูเอาใจวัยรุ่น เช่น สเต๊ก มะกะโรนี แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของลูกค้าเนื่องจากวัยผู้ปกครองของวัยรุ่นก็อยากกินอาหารอร่อย

ร้านไอศกรีมจึงกลายเป็นร้าน “ครีม” ร้านอาหารสำหรับลูกค้ากลุ่มครอบครัว รวมไปถึงกลุ่มคนทำงานที่ชื่นชอบตำรับอาหารของบ้านวินเทจหลังนี้

สรภพ รับสืบทอดมรดกร้านครีมมาจากคุณพ่อมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ปีที่ผ่านมาขอรีโนเวทร้านใหม่ปรับมุมเปลี่ยนทิศแต่งร้านให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน แต่ยังคงความเก๋มีเสน่ห์แบบวันวานอยู่ ส่วนเมนูอาหารนั้นยังคงเน้นอาหารไทยตำรับโฮมเมดในราคาที่สมเหตุสมผล มีทั้งอาหารจานเดียวสำหรับคนทำงานที่มีเวลามื้อเที่ยงจำกัด และอาหารประเภทต้มผัดแกงทอดทั้งมื้อกลางวันและเย็น

ข้าวผัดมันกุ้งกะเพราเป็ด (90 บาท) เป็นหนึ่งในเมนูแนะนำที่เราถูกใจข้าวผัดมาแห้งๆกำลังดีมีรสชาติของมันกุ้งเค็มมันแบบอ่อนๆ เมื่อกินคู่กับเนื้อเป็ดผัดกะเพราที่เผ็ดร้อนแล้วเข้ากันได้ดี ส่วนที่เลือกใช้เนื้อเป็ดแทนไก่ เจ้าของร้านให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเนื้อเป็ดมีกลิ่นและรสที่เข้มกว่าไก่เมื่อนำมาทำเป็นเมนูนี้แล้วมีความเข้มข้นเข้ากันได้ดี อากาศเย็นๆที่มีฝนฉ่ำฟ้าอย่างนี้กินคู่กับต้มยำเห็ดโคน (130 บาท)รสจัดชนิดหวัดไม่ถามหาทำให้สดชื่นพร้อมไปทำงานต่อยามบ่ายได้อย่างไม่ง่วง

ส่วนเมนูแนะนำของร้านครีมยังมีปลาช่อนโบราณ (130 บาท) เนื้อปลาช่อนทอดแล้วยำแบบโบราณโดยการใช้ความเปรี้ยวที่มีความหวานปนนิดๆของน้ำมะขามเปียก โรยด้วยถั่วลิสงและหัวหอมแดงซอย เป็นกับแกล้มชั้นดี

นอกจากนี้ยังมีปลาดุกฟูผัดพริกขี้หนู (150 บาท)สูตรของคุณพ่อที่นำเนื้อปลาดุกฟูมาคั่วกับพริกขี้หนูจนแห้งปรุงรสออกหวานเล็กน้อยด้วยน้ำตาลทราย เห็นแล้วเรียกหาข้าวสวยร้อนๆทันควัน

แสงเจริญนครข้าวมันไก่มหาชน

เดินข้ามสะพานลอยจากซอยเจริญนคร 9 มาฝั่งเลขคู่กันบ้าง ร้านข้าวมันไก่แสงเจริญนครอยู่ระหว่างเจริญนครซอย 12 และ 14 ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2529 ร้านเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงบ่ายสามโมงแต่ส่วนใหญ่บ่ายสองไก่ก็จะหมดตู้แล้ว

ร้านนี้เราประทับใจหลายอย่าง ลำดับแรกคือ การปรุงด้วยเตาถ่าน ไม่ว่าจะเป็นการต้มไก่ หรือหุงข้าวขนาดหม้อเบอร์ 45 ที่ให้ทั้งกลิ่นหอมของถ่านและความร้อนของไฟที่เป็นส่วนสำคัญในการปรุงอาหารให้ได้รสชาติที่ดี แต่ที่อยากจะเล่าก่อนคือ ปริมาณข้าวที่ตักให้ลูกค้าแต่ละคนไม่เท่ากัน

“ใครที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ เราจะตักข้าวให้เยอะเป็นพิเศษ เพื่อที่เขาจะได้อิ่ม นี่เป็นสิ่งที่แม่สอนเอาไว้” นิตยา เล็กวงศ์พร เจ้าของร้านรุ่นปัจจุบันบอกกับเราด้วยรอยยิ้ม

ข้าวขายถ้วยละ 10 บาท ไก่ทอดจานละ 40-50 บาท ไก่สับจานละ 50-100 บาท ส่วนข้าวมันไก่จานละ 40-50 บาท ล่าสุดเพิ่มเมนูข้าวมันไก่กระดาษ คือ ข้าวมันไก่ไร้หนังขนาดข้าวพออิ่มสำหรับสตรีกินน้อยขายห่อละ 25 บาท ราคามาตรฐานและใจดีอย่างนี้เราเลยอยากเรียกว่าเป็นข้าวมันไก่ขวัญใจมหาชนคนยากจริงๆ

นิตยา บอกว่าข้าวมันไก่ของแสงเจริญนครเป็นตำรับของคุณแม่ซึ่งประยุกต์มาจากข้าวมันไก่ไหหลำ แล้วนำมาปรุงให้แซ่บด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเด็ด

“สูตรของเราเป็นไหลาว คือ ไหหลำบวกลาว แม่ชอบให้แซ่บเพราะเมื่อก่อนเราขายส้มตำด้วย”

สำหรับไก่ที่นำมาใช้ในการปรุงนั้น จะเลือกขนาดน้ำหนักไก่เนื้ออยู่ที่ 3 กก. ส่วนข้าวเลือกใช้ข้าวหอมมะลิเก่ามาหุงกับน้ำมันไก่และน้ำสต๊อกไก่ทำให้ได้เนื้อข้าวที่นุ่มกลิ่นหอมและมีรสชาติ

ทีเด็ดที่ขาดไม่ได้อยู่ที่น้ำจิ้ม ทางร้านใช้เต้าเจียวหมักอย่างดีมาผสมกับซีอิ๊ว น้ำตาล เกลือ น้ำส้มสายชู น้ำซุปไก่ พริกและขิง รสชาติเข้มข้นจริงๆ

ก๋วยจั๊บน้ำข้นต้องเจ๊จูซอย 12

  เดินย้อนกลับมาที่เจริญนครซอย 12 จะพบกับร้านเจ๊จู หรือ นิตยา แซ่โฮ้ว เห็นเจ๊ยืนสับหมูกรอบด้วยท่าทางแข็งแกร่งเราแอบเกร็งเล็กน้อย แต่พอได้คุยแล้วกลับชอบใจท่าทีห้าวๆของเธอ เจ๊จูบอกว่าเป็นญาติกับร้านเกาเหลาเซ่งจี๊ก๋วยจั๊บน้ำใส ตรงซอยเจริญนคร 21 ถ้าชอบน้ำใสให้มุ่งไปที่นั่น แต่ถ้าชอบน้ำข้นมาที่ร้านเจ๊จูซอย 12 จำดีๆอย่าสับสน

เครื่องเคราก๋วยจั๊บร้านนี้บอกเลยว่าเยอะและใหญ่ ไฮไลท์อยู่ที่ตับชิ้นใหญ่มาก ลวกมาได้เนื้อนุ่มข้างในสุกพอดี ตับที่นี่ไม่แข็ง เจ๊ว่าเทคนิคอยู่ตรงที่การลวกนะคะ

ส่วนหมูกรอบก็เป็นไฮไลท์ไม่แพ้กัน เจ๊จูเลือกหมูสามชั้นที่มีการตัดชั้นไขมันออกไปแล้วนำต้มก่อนจึงนำไปทอด ถามว่าหมูกรอบขนาดไหน เจ๊ตอบทันใดว่ากรอบแบบธรรมชาติ คือ กรอบไม่นาน ถ้าซื้อกลับบ้านก็เอาไปรวนไฟกลางก็จะกลับมากรอบน่ากินฟินเหมือนเดิม

นอกจากนี้ยังมีเลือดหมู ตับ กระเพาะ ไส้ หัวใจ ไข่ เต้าหู้ บอกเลยว่าเครื่องในทำมาอย่างดีไม่มีกลิ่นคาว “ เราล้างให้สะอาด ไม่ได้ล้างแบบมักง่าย ล้างน้ำเปล่าแล้วนำมาลวกแล้วก็ล้างอีก” อย่างนี้เป็นต้นเจ๊เล่า ทำให้เห็นภาพเลยว่ากว่าจะมาเป็นก๋วยจั๊บชามละ 40 บาท แม่ครัวต้องเตรียมวัตถุดิบมากมายอีกทั้งขั้นตอนการปรุงก็พิถีพิถันแม้แต่พริกไทยที่นำมาใช้ก็เลือกซื้อเองแล้วสั่งบด ทำให้ได้พริกไทยแท้ๆที่มีความเผ็ดและกลิ่นที่หอมมากกว่าทั่วไป

ของอร่อยร้านเจ๊จูยังมีข้าวหมูกรอบ ข้าวแห้ง และปอเปี๊ยะสดที่มีน้ำซอสสูตรมะขามเปียก เรียกน้ำย่อยได้สั่นระรัวจริงๆ กับของกินร้านนี้

บัวลอยสามหนู

ร้านบัวลอยไข่หวานที่รู้จักกันในนามบัวลอยวัดสุวรรณ เพราะตั้งอยู่ตรงตรอกติดกับวัดสุวรรณพอดี เดินไปถึงร้านเหงื่อแตกพอดีเพราะอากาศกรุงเทพฯมันร้อน พอได้ดื่มน้ำเย็นที่ต้มด้วยใบเตยทำให้สดชื่นขึ้นมาทันใด เลยอยากจะบอกว่าน้ำดื่มร้านนี้หอมชื่นใจดีนะถ้าแวะมากินที่ร้านอย่าปล่อยผ่านเลยไป

ทำไมถึงเป็นบัวลอยสามหนู ? อภิพัทธ์ รณศิริชัยรัตนา คุณสามีช่วยตอบแทนภรรยา นงนภัส นรมัตถ์ ที่ขอตัวไปทำบัวลอยโดยให้สามีเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์แทน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทั้งคู่มีลูกอยู่ 3 คน ได้แก่ หนูเนย หนูเค้ก หนูคุกกี้ จึงเป็นที่มาของชื่อบัวลอยสามหนูที่เพิ่งตั้งชื่อได้ 3 ปี เพราะลูกๆนำไปใช้เป็นชื่อในเพจเฟซบุ๊คของร้าน ส่วนชื่อดั้งเดิมคือ บัวลอยทรงเครื่องเจ้าเก่าวัดสุวรรณ ขายมายาวนานกว่า 20 ปีแล้ว

บัวลอยร้านนี้ปั้นแป้งเป็นลูกเล็กๆแบ่งออกเป็นสีต่างๆ ได้แก่ สีเหลืองเป็นแป้งผสมกับฟักทอง สีม่วงเป็นแป้งผสมกับมันม่วง สีเขียวเป็นแป้งผสมใบเตยและเผือก

แป้งบัวลอยจะต้มกับน้ำใบเตยเข้มข้นทำให้ได้กลิ่นหอมส่วนน้ำกะทิมีรสหวานมันกำลังดี

เมนูบัวลอยจะมีแบบธรรมดา (20 บาท) ทรงเครื่อง(ใส่เผือก ข้าวโพด แห้ว ฟักทอง และมะพร้าวอ่อน) ใส่ไข่ (25 บาท) ไข่คู่ (34 บาท) ไข่เค็ม (28 บาท) ชอบกินบัวลอยจะแวะนั่งรับประทานหรือซื้อกลับบ้านก็ได้ตามสะดวก

เริ่มต้นที่น้ำมะม่วงปั่น ปิดท้ายกันที่บัวลอยไข่หวาน อิ่มอร่อยในย่านคลองสานด้วยงบประมาณหลักร้อย

เรื่อง : ปิ่นอนงค์ ปานชื่น

ภาพ : กอบภัค พรหมเรขา

ร้านครีม เจริญนครซอย 9 เวลาเปิด 11.00 - 21.30 น.โทร.0 2437 2582

ร้านแสงเจริญนครข้าวมันไก่ ระหว่างเจริญนครซอย 12 กับซอย 14 เวลาเปิด 7.00-15.00 น. โทร.0 2861 3284, 08 6364 9935

ร้านก๋วยจั๊บเจ๊จู เจริญนครซอย 12 เวลาเปิด 11.00 -19.00 น.โทร. 08 9698 8666

ร้านบัวลอยสามหนู ติดกับวัดสุวรรณ เปิด 9.00 -21.00 น. โทร.08 4524 9161

ร้านเจริญนครช้อป ธนบุรีดีไลท์ ชั้น G ไอคอนสยาม เวลาเปิด 10.00 -22.00 น.