"ประยุทธ์" แบ่งงานรองนายกฯ วันนี้ คุมกรมสอบสวนคดีพิเศษเอง คาด "สมคิด" กำกับพลังงาน "จุรินทร์-อนุทิน" คุมกระทรวงโควตาพรรค "นฤมล" ทิ้งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พปชร.นั่งโฆษกรัฐบาล ภูมิใจไทยส่ง "ไตรศุลี" ลูกสาวนายกฯอบจ.ศรีสะเกษ นั่งรองโฆษก
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม มีกำหนดการเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม เป็นครั้งแรกในวันนี้(30ก.ค.)ภายหลังจากที่ได้รับโปรดเกล้าฯให้ทำหน้าที่ รมว.กลาโหม อีกตำแหน่ง โดย พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางถึงกระทรวงกลาโหมในเวลา 07.00 น. โดยกระทรวงกลาโหม ได้จัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ ซึ่งมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นายทหารระดับสูง และข้าราชการ รอต้อนรับ
กำหนดการต่อจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลาว่าการกลาโหม ต่อมาในเวลา 07.30 น. จะเป็นพิธีรับการเคารพจากการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนที่จะเข้ารับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของกระทรวงกลาโหม ณ ห้องภาณุรังษี ภายในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนเดินทางกลับไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)
ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข
ทั้งนี้ รองนายกฯ ที่มาจากพรรคการเมือง จะกำกับดูแลกระทรวงที่เป็นโควตาของพรรคตนเอง
รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประวิตร แม้จะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบหน่วยงานความมั่นคงเหมือนเดิม แต่หน่วยงานที่มีบทบาทสูงถูก พล.อ.ประยุทธ์ ยึดไปกำกับดูแลเอง ทั้งกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำให้ พล.อ.ประวิตร จะได้กำกับดูแลสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร จะได้ดูแล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ส่วนนายสมคิด ต้องแบ่งความรับผิดชอบในกระทรวงเศรษฐกิจให้กับพรรคร่วมรัฐบาล จนเป็นสาเหตุที่ต้องเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ รื้อฟื้น ครม.เศรษฐกิจ เพื่อให้นายสมคิดได้ควบคุมทิศทางการบริหารของทุกกระทรวง ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน เบื้องต้น นายสมคิดจะได้กำกับดูแล กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
นายวิษณุ กำกับดูแล กระทรวงวัฒนธรรม กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
นายจุรินทร์ กำกับดูแล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขณะที่ นายอนุทิน กำกับดูแล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จ่อตั้ง“นฤมล”นั่งโฆษกรัฐบาล
ส่วนตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกรัฐบาล นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ตนได้รับการประสานว่าจะมีการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกมนตรีในการประชุม ครม. ซึ่งไม่ได้รู้สึกหนักใจหรือกังวลใดๆ เพราะที่ผ่านมาเคยทำงานออกหน้าสื่อมาก่อน
"เมื่อต้องมาทำหน้าที่นี้ ต้องอธิบายความให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายถึงการทำงานรัฐบาลและผลงานรัฐบาล ต้องทำงานควบคุมทุกด้าน รวมถึงงานด้านการเมือง ซึ่งเลี่ยงตอบคำถามไม่ได้ ต้องยอมรับว่าดิฉันก็เป็นนักการเมือง ส่วนการพูดคุยเตรียมความพร้อมทีมโฆษกรัฐบาล คงต้องรอ ครม.มีมติแต่งตั้งอย่างเป็นทางการก่อน และได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว” นางสาวนฤมล กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทันทีที่นางสาวนฤมล ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ว่าจะมีการเสนอชื่อให้ ครม.แต่งตั้งเป็นโฆษกรัฐบาล ก็ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ต่อสภาแล้ว เพื่อป้องกันข้อครหาที่อาจนำไปสู่การร้องเรียนว่า เข้าลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ภท.ส่ง“ไตรศุลี”นั่งรองโฆษก
สำหรับการแต่งตั้งรองโฆษกรัฐบาลในโควตาของพรรคร่วมรัฐบาล มีรายงานว่า พรรคภูมิใจไทย จะส่ง น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล หรือ กวาง อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดย น.ส.ไตรศุลี เป็นลูกสาวของนายวิชิต ไตรสรณกุล นายกอบจ.ศรีสะเกษ
นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนพรรค ภท.ยังไม่ได้คิดหรือตัดสินใจว่า จะเสนอใครเป็นรองโฆษกฯ และคิดว่าไม่จำเป็นต้องรีบเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.
พรรคร่วมไม่ส่งส.ส.นั่งการเมือง
ผู้สื่อข่าวในส่วนของตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาล เลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ทางพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้สูตรเดียวกันคือ พิจารณาจาก ส.ส.สอบตก ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ โดยจะไม่เปิดทางให้ ส.ส.มาดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง เนื่องจากได้รับการชี้แจงจาก นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ว่า แม้รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ แต่เกรงว่าจะถูกร้องเรียนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้
ขณะที่ตำแหน่งประธานกรรมาธิการจะจัดสรรให้กับ ส.ส.ที่มีความอาวุโสในแต่ละพรรค โดย ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
“สมศักดิ์”หนุนนายกฯคุมดีเอสไอ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามากำกับดูแลงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ว่า ตนเป็น รมว.ยุติธรรมที่กำกับดูแลดีเอสไอ แต่ในการกำกับงานคดี ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ กำหนดให้นายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งได้ยินนายกฯพูดว่า จะเข้ามาดูแลดีเอสไอโดยตรง ไม่มอบงานให้รองนายกฯ เข้ามาทำงานในส่วนนี้แทนเหมือนในอดีต ซึ่งส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นผลดี และจะช่วยให้ดีเอสไอทำงานแบบบูรณาการกับส่วนราชการอื่นๆได้ง่ายขึ้น ซึ่งตนมองว่าไม่มีปัญหาอะไร
“กัลยา”ยกเลิกส.ส.นั่งที่ปรึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ มีคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องแต่งตั้งคณะที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ 35 คน ซึ่งมีนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานที่ปรึกษาฯ เพื่อกำหนดแนวทางและวางยุทธศาสตร์ทางด้านการศึกษา ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งคุณหญิงกัลยาว่า ในคำสั่งนี้มี ส.ส.ของพรรครวมอยู่ด้วย 3 คน ซึ่งสุ่มเสี่ยงขัดกฎหมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา185(1)ที่ห้าม ส.ส.และส.ว.กระทําการใดๆที่มีลักษณะก้าวก่ายหรือแทรกแซง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการปฏิบัติราชการหรือการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐจึงเห็นว่าควรแก้ไขรายชื่อดังกล่าว ทำให้คุณหญิงกัลยายกเลิกคำสั่งนี้แล้ว
คุณหญิงกัลยา เปิดเผยว่า ตนได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว เพราะแม้ผู้ที่ได้ตำแหน่งในคณะนี้ จะไม่ได้รับเงินเดือน และเป็นคนละส่วนกับความเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่พบข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งคนมาช่วยงานรัฐมนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตีความบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 และมาตรา185ซึ่งเป็นเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งตนทราบว่าพรรค ปชป.กำลังหารือกันถึงข้อกฎหมาย เพราะมีผลต่อการจัดวางคนไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองในกระทรวงต่างๆ