ฆ่าหั่นศพหมอนวดไทยในโปรตุเกส

ฆ่าหั่นศพหมอนวดไทยในโปรตุเกส

สื่อโปรตุเกสตีข่าวสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพ ‘หมอนวดไทย’ ยัดใส่กระเป๋าทิ้งไว้ริมชายหาด หลังจับกุมผู้กระทำผิดได้ภายหลังว่าเป็นเจ้าของร้านสปาที่เหยื่อทำงานอยู่ มีปมขัดแย้งเงิน 10,000 ยูโร

เฟซบุ๊คของชมรมหมอนวดดี มีจรรยาบรรณ ไม่ทำแอบแฝง ได้โพสต์ข้อความถึงข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ในประเทศโปรตุเกสว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยคนไทยชื่อ นางสงาม สวายประโคม อายุ 52 ปี เจ้าของร้านสปาและนวดไทยแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ชายหาดมาโตซาฮอส ในเมืองเลก้า ดา ปัลไมรา ริมชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของโปรตุเกส  ที่เชื่อว่า ได้ลงมือสังหารและชำแหละร่างของหญิงสาวทราบชื่อภายหลังว่าเป็น นางสาว ณัฐชญา ศรัณยพัฒน์ หญิงไทยทำงานเป็นหมอนวดอยู่ในร้านสปาที่นางสงามเป็นเจ้าของอยู่ โดยในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ  ขณะที่นาง สงามได้รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ปมสังหารมาจากสาเหตุความขัดแย้งประเด็นเงินลงทุนทำร้านสปาดังกล่าวจำนวน 10,000 ยูโร หรือประมาณ 358,000 บาท  

เหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดมาจากที่พลเมืองดีได้แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบกระเป๋าใบหนึ่งที่มีผู้นำมาวางทิ้งไว้ริมชายหาดแห่งนี้ ซึ่งมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งโชยออกมา และเมื่อเจ้าหน้าที่เปิดออกดูพบศีรษะของหญิงคนหนึ่ง เมื่อนำไปพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลพบว่า เป็นของหมอนวดหญิงไทยรายนี้ ส่วนชิ้นส่วนอื่นของร่างกายผู้เสียชีวิตยังไม่มีรายงานว่าพบแล้วหรือไม่ 

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวน และรวบรวมหลักฐาน ประกอบกับพยานเพิ่มเติม  เพราะมีหลายประเด็นที่ยังคลุมเครือ และยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสามีของสงาม โดยทางเพจชมรมหมอนวดดี มีจรรยาบรรณ ไม่ทำแอบแฝง เปิดเผยว่า เป็นชาวปากีสถานและแต่งงานกับสงามที่ไทย อีกทั้งได้รับสัญชาติไทยแล้วจึงถือเป็นพลเมืองไทย แม้มีรายงานตำรวจไทยจับกุมชายผู้นี้ได้แล้ว แต่หากทางการโปรตุเกสต้องการตัวไปดำเนินคดีน่าจะเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากไทยและโปรตุเกสไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน

ขณะที่ร้านสปาและนวดไทยของนางสงาม ได้ปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ด้านนางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า กระทรวงได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลิสบอนแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้รับแจ้งจากตำรวจเรื่องสตรีไทยผู้เสียชีวิต และการจับกุมและดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยหญิงชาวไทยในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการกฎหมายของประเทศโปรตุเกส