คำต่อคำ 'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์' จุดยืนเลือกขั้วไหน?

คำต่อคำ 'มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์' จุดยืนเลือกขั้วไหน?

จุดยืน "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เปิดคำต่อคำเลือกขั้วไหน?

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงที่สำนักข่าว The Standard ช่วง 21.00 น. วานนี้ (27มี.ค.) เปิดใจถึงทิศทางการร่วมรัฐบาล หลังพรรคเพื่อไทยนัดกับพรรคการเมือง 6 พรรคลงนามสัตยาบันในการจัดตั้งรัฐบาลว่าแต่นายมิ่งขวัญและตัวแทนพรรคเศรษฐกิจใหม่กลับไม่ร่วมในการแถลงข่าวดังกล่าว

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จริงๆไม่ได้เตรียมมาแถลงข่าวนะวันนี้ ดูจากการแถลงข่าวเมื่อเช้า ก่อนอื่นอยากจะพูด 3 ประเด็นสำคัญ ขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณคนที่ไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงลงคะแนนไม่ว่าจะลงให้ผมหรือใครก็ตาม ก็ต้องกราบขอบพระคุณ โดยเฉพาะถ้ามาที่ผมจะไม่ทำให้ทุกคนเสียกำลังใจ เสียความรู้สึก อันนั้นเรื่องแรก

เรื่องที่สองเรื่องที่เราโผล่มาวันนี้เพราะบังเอิญมีการแถลงข่าวเมื่อเช้านี้ (27มี.ค.) ของพรรคต่างๆ ผมต้องบอกข้อเท็จจริงก่อนว่า ผมทำอะไรและผมคิดอะไรอยู่ ท่านรองหัวหน้าพรรค สุภดิช อากาศฤกษ์ กับผมนัดกันอยู่ก่อนแล้วว่าจะไปที่ กกต. นัดกันไปดูคะแนนเพราะคะแนนเราอยู่ระหว่าง 6 กับ 7 เราก็นัดกันอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็นัดที่จะเจอแล้วก็จะถามไถ่ด้วย

“คราวนี้พอเมื่อวานตอนเย็นฮะ ปุบปับก็มีการนัดว่าเขาจะแถลงข่าวผมก็บอกว่าผมไม่ไปด้วยนะ ผมมีธุระสำคัญแล้วผมนัดอยากจะไปที่กกต. แล้วเช้านี้ก็มีการแถลงข่าว ประเด็นก็เกิดปัญหาขึ้นมาว่า อ้าวแล้วพรรคเศรษฐกิจใหม่หายไปไหน ผมถือโอกาสบอกให้ทุกท่านให้ทราบนะฮะ ว่าคนนี้ไม่มีครับ คนนี้ชัดเจนแล้วไม่มีความจำเป็นต้องขลาดกลัวอะไร ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดยืน ผมชัดเจนอยู่แล้ว แต่ที่ผมไม่ไปนี่หวังว่าคงจะเข้าใจเหตุผล แล้วคงไม่ต้องมานั่งบอกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าผมรู้ล่วงหน้านานๆ ไม่ต้องนานหรอสักวันวันนึงผมจะไปได้ แต่พอในเมื่อแถลงข่าวออกมาแล้วก็มีชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็เลยขออนุญาตทาง TheStandardเขา ผมขอใช้ที่นี่ก็แล้วกัน เพราะว่าวันนี้เลยว่าตั้งแต่เมื่อวานผมก็ไม่รู้โทรมาเยอะแยะไม่รู้เบอร์ใคร วันนี้โทรศัพท์เข้ามา 300 กว่าสาย  แล้วผมก็พยายามที่จะรักษามารยาท อันไหนรับได้ก็รับ อันไหนรับไม่ได้เบอร์แปลกผมก็ไม่รับ อันนี้มาถึงสิ่งที่ท่านอยากรู้ ท่านอยากจะถามอะไรผมผมให้ถามดีกว่า”

 

อยากได้ยินจากปากว่าเราไม่สามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้ตามที่เราแถลงการณ์ออกมาใช่หรือไม่ ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า อันนี้ท่องสคริปมาจากบ้านใช่ไหม ชัดเลยนะครับ ผมอยากจะย้ำว่าอย่างนี้ เจตรมณ์ของผมและก็พรรคเศรษฐกิจใหม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ตั้งแต่วันแรกที่ผมเริ่มกลับมาทำงานการเมืองเที่ยวนี้ เราก็บอกอยู่แล้ว เราจะอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมบอกอยู่แล้วว่าเป็นอย่างนี้ แล้ววันก่อนก็มีการพูดโน่นนี่ ผมก็ออกมาอีก ในเฟซบุคก็บอกอยู่แล้วฮะ เฟซบุคผมบอกว่าอะไรฮะ ผมบอกว่าผมยืนยัน ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ผมยืนยันสถานภาพทางการเมืองว่าผมคิดอะไรอยู่ฮะ

“ผมจะมีเงื่อนไขอยู่นิดเดียวนะฮะ ใครก็ตามที่บอกว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์ คุณไม่สุจริต ไม่ต้องรอคนอื่นจัดการเดี๋ยวผมจัดการคุณเอง มันต้องชัดแบบนี้ไม่ใช่หรอฮะ ผลประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยก็เป็นเรื่องสำคัญ โทษนะไม่ต้องฝั่งไหน ทั้งนั้นฮะ อันนี้ชัดไหมฮะ ผมได้ตอบคำถามรึเปล่า”

 

แน่นอนว่า 6 เสียงของเศรษฐกิจใหม่ตอนนี้กลายเป็น 6 เสียงที่มีค่า เพราะถ้าเอาตามที่พรรคร่วมลงสัตยาบันวันนี้รวมเป็น 255 เสียง เกินกว่าครึ่งหนึ่งของสภาจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่ถ้ากลับไปอีกข้างหนึ่งเขาจะเหลือ 249 มีนัยมากๆ ถามว่าทันทีที่ได้ 6 เสียงนี้หรือ 7 เสียงในอนาคต พรรคไหนมีความพยายามติดต่อหรือโทรศัพท์มาหาคุณมิ่งขวัญก่อน ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ก็บอกแล้วไงฮะ มันก็ตอบอีกทีหนึ่งมันก็ตอบคำตอบเดิม ผมจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่ก็คือจบแล้วไงฮะ จะให้ผมพูดอะไรมากกว่านี้หละ

 

คุณมิ่งขวัญยืนยันที่จะเข้าร่วมการประกาศรวมตัวของ 7 พรรคการเมือง กับพรรคเพื่อไทยในวันนี้ใช่ไหม ?

 

นายมิ่งขวัญตอบว่า  “ครับ ครับ ครับ อยากได้แค่นี้ใช่ไหม ก็ตอบให้แล้วไง”นี่ผมพยายามยิ้มแล้วนะแต่ได้แค่นี้ ขอโทษนะ

 

เหตุผลสำคัญในการร่วมจับมือกัน 7 พรรคคืออะไร ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ก็บอกแล้วไงฮะ ว่าคุยกันมาตั้งแต่ต้นใช่ไหม ทุกคนก็พูดกันบอกว่า หนึ่ง ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตย สองเราก็บอกแล้วว่าถ้าเกิดเศรษฐกิจไม่ดี คนไทยไม่มีความสุข ก็ต้องเปลี่ยนแปลงถูกไหมฮะ อันที่สามระบบกติกาจะเป็นอะไร นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งฮะ ข้อสี่ แม้แต่กระทั่งฝั่งเดียวกัน ถ้าคุณพูดแล้วคุณไม่รักษาคำพูดผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน จำประโยคนี้ไว้ให้ดีดีนะฮะผมบอกไว้ก่อน

 

ในการร่วมกับพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้มีเงื่อนไขอะไรไหมที่ตกลงกัน ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ยังไม่ได้ตกลงครับ ก็บอกแล้วเขาเพิ่งติดต่อมาเมื่อวานนี้ฮะ ถ้าจะพูดเอาเวลาจริงก็ตอนเย็นตอนมืดแล้วฮะ แล้วผมจะไปนัดกันผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่เด็กๆจะให้ผมยกเลิกกระทันหันได้ยังไงครับ ผมพูดยังงี้ถูกไหมครับ อ้าว ถ้าเป็นน้องๆผู้สื่อข่าวผมถามจริงนะครับ แล้วคุณนัดผู้ใหญ่เอาไว้คุณจะไปยกเลิกกะทันหันได้หรอ อันนี้อย่ามาบอกว่าผมไม่ไป อย่ามากลัว แล้วไม่ต้องกลัวคนอย่างผมรักษาคำพูดคำไหนคำนั้นครับ

 

ที่บอกว่าถ้าร่วมกับฝั่งนี้แล้วจะต้องรักษาคำพูด คำพูดนั้นคืออะไร?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ผมบอกเลยนะว่าวันนี้เป็นวันที่ผมแถลงข่าวแบบผมควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ แต่ผมพยายามยิ้มนะฮะ คือผมไม่ได้คิดว่าผมจะมาแถลงข่าววันนี้ ผมจะมาสัมภาษณ์ที่มีชีวิตชีวายิ้มแย้มแจ่มใสกัน เพราะแฟนคลับ FC ลุงมิ่งก็เยอะ ลุงมิ่งเขาใจดี นี่เด็กๆกลายเป็นลุงมิ่งหน้าตาไม่ยิ้มเลย ผมก็จะกลับมานิดนึง ผมบอกว่าผมเป็นคนรักษาคำพูดคือผมเคยพูดยังไงผมก็พูดอย่างงั้น ผมไม่กลับไปกลับมาไง น้องฟังภาษาไทยชัดเจนไหมครับ

 

“ผมหมายถึงว่าใครไปพูดอะไร บางคนพูดไปส่งเดช วันนี้พูดอย่างนี้ อย่างนี้ อย่างนี้ ถ้าเป็นคุณคุณรู้สึกยังไงครับ”

 

ฟากฝั่งคุณอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ติดต่อมาบ้างไหม ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า บางคำตอบผมก็ไม่ต้องตอบใช่ไหมครับ

 

คือมีใช่ไหม ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ไม่รู้ครับ คุณก็ไปคิดเอาเองครับ ผมตอบในส่วนที่เกี่ยวกับผมดีกว่า ดีไหม

 

ตั้งแต่กลับมาเล่นการเมืองรอบนี้มีคนเชียร์อยากเห็นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรงนี้มีโอกาสจะเป็นไปตามนโยบายของพรรคที่ชูมาตั้งแต่แรกหรือไม่

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ไม่รู้ครับ ตอบไม่ได้หรอกครับ อย่างวันนี้คะแนนก็ยังไม่นิ่งเลย ประกาศ 94-95% เลยครับ ถูกไหมฮะ ไม่แน่ผมอาจจะเพิ่มขึ้นไป 1-2 คะแนนก็เป็นไปได้

 

มองยังไงกับการจัดตั้งรัฐบาลเพราะทั้งสองฝ่ายก็อ้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล มองว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ไหม?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า  ถึงยังไงประเทศไทยก็ต้องดำเนินต่อไป การจัดตั้งรัฐบาล ถึงยังไงก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะมีเสถียรภาพหรือไม่ จะติดขัดยังไง ข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นยังไง ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายก็มีตั้งเยอะ คำถามนี้ท่านไปถามนักกฎหมายที่เขารู้ดีเก่งๆสิ

 

“ผมจริงๆถามผมนะที่ผมกลับมาทำงานการเมือง ผมไปทำงานกับมหาวิทยาลัยเกือบ 10 แห่ง แล้วพวกอธิการบดีบอกว่าท่านไปทำงานให้ประเทศเถอะ เศรษฐกิจมันไม่ดี คนไทยไม่มีเงิน คนไทยไม่มีตัง ท่านไปช่วยเขาเถอะ ประเด็นก็อยู่ตรงนี้แค่นั้นเอง ส่วนเงื่อนไขอะไรยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากันครับ อย่าไปห่วงเลยเรื่องตั้งรัฐบาล เขาตั้งได้ครับ ผมก็ว่าตั้งได้ทำไมจะไม่ได้”

 

สมมติผมจะตอบแบบที่นักการเมืองเขาชอบตอบกัน ผลประกาศการเลือกตั้งยังออกมาไม่ครบเลย ให้ออกมาให้ครบก่อนสิครับ ถูกไหม คะแนนผมเอาตรงๆมาถึงตรงนี้วันนี้เราก็ไปดูกันมาว่าคะแนนเป็นเท่าไรยังไง แล้วจะมีโอกาสขึ้นไปอีกไหม ก็แค่นั้นเอง ให้ประกาศคะแนนก่อนสิ ดีไหม

 

ในส่วนคุณมิ่งขวัญไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ไหมในการจับมือตามจุดยืน

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ครับ ยกเว้นเปลี่ยนกันเอง ผมไม่รู้นะ แค่ประมาณนี้ได้ข่าวหรือยัง คุ้มที่มาแล้วนะ ผมถามนอกรอบนะว่าได้คำตอบที่ต้องการหรือยัง

 

ได้แล้ว ครับ ครับ ครับ ?

 

นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า อ๋อ ได้ครับ 3 ครั้งหรอ แล้วคำถามคืออะไรหละครับ

 

จะไปเซ็นเอ็มโอยูกับพรรคอื่นๆเหมือนวันนี้ไหม ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า เซ็นหรือไม่เซ็นนะฮะ ถ้าคุณเซ็นแล้วไม่รักษาคำพูดคุณจะมีประโยชน์อะไร

 

แล้วจะไปเซ็นไหม?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ถามผมผมก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมเป็นคนรักษาคำพูด ถูกไหมฮะ จุดยืนทางการเมืองก็สำคัญนะฮะ ไม่งั้นถามจริงๆยี่ห้อนี้ (เอามือชี้หน้าตัวเอง) คุณจะเชื่อได้ไงว่าคิดอะไรอยู่ ผมก็พูดไปเรื่อยเปื่อยหรอ  วันนึงบอกอย่างนึงได้ วันนึงบอกอย่างนึงไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนะฮะ คุณอยากเจอไหมละ ผมเป็นคนชัดเจนนะฮะผมบอกก่อน คุณกำลังจะยั่วให้ผมไม่ยิ้มอีกแล้วนะครับ ไม่หรอกครับสบายๆ

 

มองอย่างไรกับที่ 7 พรรคการเมืองที่จะเข้าไปร่วมกดดันให้กกต.เปิดเผยผลคะแนน 100% ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ก็ผมบอกอยู่หยกๆ ว่าผมไปกกต.เมื่อเช้า ไปเพื่อดูคะแนน เอาอย่างนี้ดีกว่า เมื่อตอนที่ไปกกต.กัน พอเห็นว่าจะเฮละโลกันไป บอกให้รองหัวหน้าให้สัมภาษณ์สิ คุณรับหน้าไป รับหน้าไม่ได้มีอะไร ก็ไปดูคะแนนทำไมจะไม่ดูหละ ถูกไหมฮะ เราก็ดูอ้าวทำไมออกมาเป็นอย่างนี้ อย่างนี้  ก็ต้องไปดูอยู่แล้ว

 

ยังไม่ได้คำตอบ ?

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ผมตอบไม่ตรงคำถามหรือถามไม่ตรงคำตอบ

 

เขาเรียกร้องให้เปิดเผยคะแนนทั้งหมด 100% ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ก็ดีไง เห็นด้วย ตอนนี้ผมก็รออยู่ เมื่อกี๊ก็พูดอยู่คุณฟังเข้าใจไหม เขาเปิดมา 94% ไม่เกิน 95% มันก็เหลืออีก 5% มันก็เป็นล้านๆ และอีกอย่างตรงไหนไม่ชัดเจนไม่โปร่งใสก็ต้องออกมาพิสูจน์กัน ผมก็ไม่กล่าวหาใครทั้งนั้น บางที่บอกว่าผู้มีสิทธิ์เท่านี้ บัตรเกินเท่านี้คุณก็ต้องไปพิสูจน์กัน

 

พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนส.ส.เป็นอันดับสอง แต่ได้คะแนนป็อบปูล่าโหวตสูงสุดอ้างเป็นความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคเพื่อไทย?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ไม่มองครับ ไม่มองนี่ไม่ได้พูดกวนนะ แต่ไม่ใช่หน้าที่ผมไปวิจารณ์เขา ถูกไหม เอาตัวเองให้รอดก่อนครับ ดีไหมครับ

 

เมื่อจับมือกับพรรคเพื่อไทยแล้วพร้อมสนับสนุนแคนดิเคตนายกจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หรือมีความคิดเห็นอย่างไร

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า โอ๊ย อันนี้คุณอย่าเพิ่งถามเลย ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรกันยังไง ผมยังไม่ได้คุยกับเขา ผมเป็นคนตรงคนชัดนะครับ ผมยังไม่เคยไปคุยรายละเอียดแบบนี้กับเขาเลย ผมจะไปรู้ได้ยังไง เขาคิดอะไรอยู่หรือเปล่าไม่รู้ ถูกไหมครับ

 

“เมื่อวานเขาโทรมาอย่างงี้ ก็ตรงตามที่เขาแถลงข่าว คุณอ้วน ภูมิธรรม อยู่ๆก็มีคนมาโดยไม่ได้นัดหมายผมก็งงอยู่ มืดแล้วหัวค่ำแล้ว แล้วเขาก็บอกว่าแล้วก็ต่อโทรศัพท์ให้ผมพูด ผมก็ถามอะไรยังไง เขาก็บอกว่าพรุ่งนี้มีแถลงข่าว ผมบอกว่าพรุ่งนี้ผมไปไม่ได้ ผมมีนัดจะไปที่นี่  แล้วตรงเลยนะ ผมยังไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการแถลงแล้วประกาศชื่อพรรคผม ผมพูดแฟร์ๆนะ คุณกำลังยั่วให้ผมพูดอะไรบางอย่าง”

 

อะไรที่ทำให้วันนี้คุณมิ่งขวัญดูอึดอัดขนาดนี้ ไม่ได้กินข้าวเย็น พรรคได้เสียงน้อยกว่าที่ตั้งไว้ หรือ กำลังถูกมัดมือชก?

 

นายมิ่งขวัญตอบว่า คุณอย่าถามผมแบบนี้ อันที่หนึ่งยังไม่ได้กินข้าวเย็น อันที่สองตื่นตั้งแต่หกโมงจนตอนนี้โทรศัพท์เข้ามา 300 400 สาย คุณมีความสุขไหมละ แล้วอุตส่าสุ่มรับสาย รับแล้วก็มีความทุกข์ รับสายนี้ก็มีแต่ความทุกข์ แล้วจะให้ทำอะไรหละ

 

แล้วจะมีความสุขไหม ?

 

นายมิ่งขวัญ ตอบว่า ผมก็ต้องอยู่ให้ได้สิครับ

 

“คุณอย่าลืมนะว่าผมเป็นมาหมดเกือบทุกตำแหน่ง ผมเป็นรองนายกคุณคิดว่าผมเจอปัญหายิ่งกว่านี้หรือเปล่า ผมก็เจอ เพียงแต่คุณมาถามอะไรก็ไม่รู้ บางเรื่องก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไง  มันเร็วไปวันนี้อาจจะดูยิ้มน้อยไปหน่อย แต่ก็ใจดีอยู่แล้ว”