ควัก 12 ล้าน ส่งกกต.บินดูงานเลือกตั้งนอกราชฯ

ควัก 12 ล้าน ส่งกกต.บินดูงานเลือกตั้งนอกราชฯ

ควัก 12ล้าน ส่งกกต.ทั้ง 7 บินดูงานเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร งดประชุมตลอดสัปดาห์เหตุองค์ประชุมไม่ครบ ขณะที่วาระสำคัญจ่อคิวเข้าพิจารณาเพียบ นัดประชุมอีกที 11 มี.ค.

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้กกต.ไม่มีการนัดประชุมเพื่อพิจารณาวาระสำคัญต่างๆ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ โดย กกต.ทั้ง 7 คน ติดภารกิจเดินทางไปดูงานการใช้สิทธิเลือกตั้งของคนไทยในต่างประเทศ หรือการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. -10 มี.ค. โดยนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ เดินทางไปดูการเลือกตั้งที่สหราชอาณาจักร นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย และนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ เดินทางไปดูการเลือกตั้งที่สหรัฐอเมริกา นายปกรณ์ มหรรณพ และนายฐิติเชฎฐ์ นุชนาฎ เดินทางไปดูการเลือกตั้งที่เยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์ ขณะที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. มีกำหนดจะเดินทางไปดูการเลือกตั้งที่สิงค์โปร์ ซึ่งการเดินทางไปดูงานการเลือกตั้งครั้งนี้มีวงเงินประมาณ 12 ล้านบาทเศษ

ทั้งนี้ การเดินทางไปดูงานการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรดังกล่าว ก่อให้เกิดเสียงการวิพากษ์วิจารณ์ในสำนักงาน กกต. ถึงความเหมาะสม เนื่องจากเห็นว่าอยู่ในช่วงใกล้เลือกตั้ง มีการยื่นคำร้องเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองสอบถามความเห็นต่างๆ ในเรื่องวิธีการหาเสียงเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องการความชัดเจนโดยเร็ว เนื่องจากอยู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงเรียกร้องขอให้กกต.วินิจฉัยคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. ว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เหตุใดกกต.จึงไม่สลับกันเดินทางไปเพื่อให้เหลือ 5 คนเป็นองค์ประชุมสามารถพิจารณาเรื่องสำคัญต่างๆ ได้


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตามปกติ กกต.จะนัดประชุมทุกวันจันทร์และอังคารของสัปดาห์ โดยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องที่กกต.จะต้องพิจารณาทั้งการออกระเบียบ ประกาศต่างๆ รวมถึงการตอบข้อหารือของพรรคการเมืองเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง ทำให้กกต.ต้องนัดประชุมเพิ่มเติมในวันพุธ และวันศุกร์ด้วย แต่สัปดาห์นี้ กกต.ติดภารกิจไปดูงานการเลือกตั้งของคนไทยในต่างประเทศ โดยจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 11 มี.ค.