รวบแก๊งโรมานซ์สแกรม หลอกเงินคนไทยกว่า 30ล.

รวบแก๊งโรมานซ์สแกรม หลอกเงินคนไทยกว่า 30ล.

ตร.ภาค 5 ประสานตำรวจมาเลเซียจับแก๊งโรมานซ์สแกรมได้เกือบยกแก๊งหลอกคนไทยสูญกว่า 30 ล้าน

เมื่อเวลา 09.30 น วันนี้(9 ก.พ.) พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พ. ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผบก. สส.ภ.5ได้เดินทางมาสอบสวนปากคำ นายอาก้า หรือ Mr.Ulasi Eche Zoa Emmanuel อายุ 33 ปี สัญชาติไนจีเรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ คดีที่ จ.847/2561 หัวหน้าแก๊งโรมานซ์สแกรม ที่ประสานกับตำรวจประเทศมาเลเซียจับกุมได้เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาลาเซีย พร้อมกับชาวไนจีเรีย 5 คน หญิงไทยที่เป็นภรรยาอีก 4 คน นำตัวมาดำเนินคดีในฐานความผิด จำนวน 3. ข้อหา คือ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามโลก และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และ ร่วมกันเป็นอั่งยี่และซ่องโจร โดยนายอาก้า และเพื่อนร่วมแก๊งชาวไนจีเรียยังให้การปฎิเสธ ส่วนหญิงไทยให้การรับสารภาพว่าถูกนายอาก้ามาหลอกลวงให้เป็นภรรยาและใช้เป็นเครื่องมือให้ร่วมกระทำผิดไปด้วยไม่รู้ตัว

พล.ต.ต.สุรพล เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาแก๊งนี้ มีนายอาก้า ชาวไนจีเรียเป็นหัวแก๊ง เริ่มแรกจะเข้าไปตีสนิทหญิงไทยที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซียมาเป็นภรรยา ก่อนที่จะชักชวนหญิงไทยเข้าร่วมขบวนการหลอกลวงประชาชน โดยนายอาก้า ได้ร่วมกับพวกค้นหาเหยื่อหญิงไทยหน้าตาดีที่มีฐานะทางโปรไฟล์เฟซบุ๊ก โดยใช้ภาพชาวต่างชาติหน้าตาดีเข้ามาตีสนิทจีบเหยื่อก่อนที่จะล่อลวงให้โอนเงิน โดยให้ภรรยาหญิงไทยไปหาคนเปิดบัญชีและสวมรอยโทรมาหลอกเหยื่อซ้ำให้ตายใจ

ก่อนถูกจับเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 นายอาก้า ได้ใช้เฟซบุ๊กปลอมชื่อ Ryazan Bin Abdul ซึ่งข้อความการสนทนา ชายดังกล่าวได้อ้างว่าทำงานเป็นวิศวกรทางทะเลอยู่ประเทศอังกฤษ ต้องหานำเงินจากกองมรดกเข้ามาฝากเหยื่อผู้เสียหาย และจะให้เปอร์เซ็นในการดำเนินการพร้อมกับส่งภาพถ่ายเงินสกุลปอนด์เป็นจำนวนมากให้ดู จากนั้นก็มีหญิงไทยโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งเอกชนให้โอนค่าธรรมเนียมการเสียภาษีการนำเข้าผ่าเข้าบัญชีของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อสูญเงินไป จำนวน 1,455,000 บาท

เมื่อผู้เสียหายถูกหลอกได้เข้ามาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมือง เชียงใหม่ จึงส่งเรื่องมาให้ ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ตรวจเช็คเส้นทางเงิน จนขยายผลสามารถขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายจับแก๊งดังกล่าวมีทั้งหมด 18 คน ถูกจับกุมได้แล้วก่อนหน้านั้น 6 คน และมาถูกจับได้ครั้งนี้อีก 10 คน และยังอยู่ในระหว่างหลบหนีออกไปอยู่ต่างประเทศอีก 2 คน ซึ่งผู้ต้องหาแก๊งนี้ เคยก่อคดีหลอกลวงเหยื่อคนไทยมาเกือบ 100 รายทั่วประเทศ และได้เงินไปเกือบ 30 ล้านบาท