กกต.สั่งพปชร. แจงเพิ่มโต๊ะจีนระดมทุน

กกต.สั่งพปชร. แจงเพิ่มโต๊ะจีนระดมทุน

นายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งหนังสือถึง "อุตตม" สั่งชี้แจง-ส่งหลักฐานเพิ่มโต๊ะจีนระดมทุน ภายใน 15 วัน โดยเฉพาะปมเงิน 532 ล้านบาท ที่ยังเรียกเก็บไม่ได้

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีหนังสือลงวันที่ 25 ม.ค.63 ส่งถึงนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขอให้ชี้แจงและยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมกรณีเอกสาร หลักฐานแจ้งการระดมทุนเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.61 ที่ทางพรรคพลังประชารัฐได้ยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ไม่ครบถ้วนถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวของนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 7 ของพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมีอำนาจเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้คำชี้แจงหรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งในกรณีนี้ ได้ให้พรรคพลังประชารัฐชี้แจงใน 3 ประเด็น คือ รายละเอียด วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมระดมทุน เอกสารใบเสร็จรับเงินตามแบบพ.ก. 9 ที่ออกให้กับผู้สนับสนุน และรายละเอียดของเงินจำนวน 532,350,000 บาท ที่พรรคแจ้งว่า ผู้แสดงเจตนาสนับสนุนกิจกรรม 151คนยังไม่ส่งมอบให้กับพรรค โดยเงินดังกล่าวถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการระดมทุนซึ่งต้องแจ้งตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถนำไปแจ้งเป็นรายการประเภทเงินบริจาคได้ โดยให้ชี้แจงและส่งเอกสารหลักฐานกลับมาภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือ ซึ่งมาตรา 102ของกฎหมายเดียวกัน ได้กำหนดไว้ว่า ผู้ใดไม่มาให้คำชี้แจงหรือไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานแก่นายทะเบียนพรรคการเมืองตามมาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 ม.ค. พรรคพลังประชารัฐได้แจ้งรายละเอียดต่อกกต.ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา64 โดยเป็นประกาศรายชื่อผู้สนับสนุนเงินและรายจ่ายในกิจกรรมระดมทุนว่ามีผู้สนับสนุนที่มอบเงินให้จำนวน 24 รายการ รวมเป็นเงิน90ล้านบาท มีรายจ่ายการจัดกิจกรรมจำนวน 10,897,950 บาท และมีผู้แสดงเจตนาสนับสนุนกิจกรรมของพรรค แต่ไม่สามารถส่งมอบเงินให้แก่พรรคในวันระดมทุนได้อีกจำนวน 151 คน รวมเป็นเงิน 532,350,000 บาท โดยเมื่อพรรคได้รับเงินจำนวนนี้แล้ว จะดำเนินการรวบรวมเป็นเงินบริจาคตามระเบียบกฎหมายและรายงานต่อกกต.ให้ทราบต่อไป