รวบ18มงกุฎ อ้างเป็นปส. ตุ๋นฝากรับราชการได้ เรียกรายละ 5 แสน

รวบ18มงกุฎ อ้างเป็นปส. ตุ๋นฝากรับราชการได้ เรียกรายละ 5 แสน

รวบ 18 มงกุฎ อ้างเป็น “ผู้การปราบปรามยาเสพติด” ตุ๋นฝากเข้ารับราชการ “ตำรวจ-ทหาร” ได้สบาย เหยื่อหลงเชื่อกว่า 20 ราย เชิดเงินกว่า 30 ล้านหาย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. , พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. , พ.ต.ท.อนุชา ธนะอุดม พ.ต.ท.อรรถพล พานประทีป พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี สว.กก.3 บก.ป. และตำรวจกก.3 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.เพ็ญนภา ภู่พันธ์ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 279/2561 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2561 และนายประเวทย์ คิมฉ่ง อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุบลราชธานี ที่ 280/2561 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและกระทำผิดฐานอั้งยี่ หลังอ้างตัวเป็นผู้บังคับการตำรวจประจำหน่วยปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. ใช้ชื่อเล่นว่าผู้การพี สามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการทั้งตำรวจ และทหารได้ ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก โดยสามารถจับกุมได้ที่โรงแรมลอฟท์มาเนียร์ชุมพร ห้องพักเลขที่ 209 ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร เวลา 22.00 น. วันที่ 12 พ.ย.2561

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า พฤติการณ์ของสองสามีภรรยาคู่นี้ โดยน.ส.เพ็ญนภา และนายประเวทย์ อ้างตัวเป็นผู้บังคับการตำรวจประจำหน่วยปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. ชื่อผู้การพี จะลงมาทำงานติดตามพฤติกรรมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ และข้าราชระดับสูงของจังหวัดอุบลราชธานี และยังอ้างตัวว่า รู้จักกับนักการเมือง นายตำรวจระดับสูง สามารถฝากลูกหลานเข้ารับราชการได้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ ก็จะเรียกรับเงินค่าดำเนินการรายละ 5 แสนบาท แต่หากเหยื่อไม่มีเงินให้ ก็จะให้รวบรวมพระเครื่องหลวงปู่หมุน และพระเครื่องอื่นๆ ที่มีชื่อเสียง แทนเงินสด เมื่อได้ทรัพย์สินก็จะพากันหลบหนีไป และไม่สามารถติดต่อได้

20181114144115962

จากการสืบสวนทราบว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาทั้งสองคนได้หนีไปกบดานในจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว ทั้งนี้ ผู้ต้องหาเริ่มก่อคดีตั้งแต่ปี 2557 และเคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว ก่อนพ้นโทษออกมาแล้วเปลี่ยนชื่อและจะย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ และก่อคดีซ้ำๆ โดยมีพฤติกรรมในการอ้างตนเป็นนายตำรวจระดับผู้การ หรือเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง มีความร่ำรวยมาก รู้จักและมีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ นักการเมือง และนายตำรวจระดับสูงหลายคน และจะมีการพูดคุยโทรศัพท์กับทางผู้ใหญ่ระดับสูงอยู่หลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นนายตำรวจ หรือนักธุรกิจระดับสูงจริง โดยจะทำทีเข้ามาตีสนิทถามถึงเรื่องที่ดินพระเครื่องเพื่อจะนำไปให้ผู้ใหญ่ระดับสูงดู และจะมีเงินมาให้เป็นค่านายหน้า ทั้งนี้ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่คนร้ายต้องการ จะเป็นเงินสด พระเครื่อง สร้อยคอทองคำ และโทรศัพท์มือถือ

จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายประเวทย์ มีอีกชื่อหนึ่งว่านายชนะพล วงศ์สว่าง โดยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายหลายครั้ง มีหมายจับทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา และระยอง มีผู้เสียหายกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

ทางด้าน น.ส.อุษณี อายุ 49 ปี นายหน้าขายประกันครอบครัวเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกนายประเวทย์ออกอุบายเข้ามาตีสนิทผ่านทางลูกของลูกน้องที่ทำงานให้ โดยอ้างตัวว่าชื่อ “ป๋าณรงค์” เป็นผู้การปส. อีก 4 ปี จะเกษียณอายุ ราชการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 ครั้งแรกทำทีมาถามเรื่องที่ดิน เมื่อไม่มีใครตกเป็นเหยื่อ จึงออกอุบายถามหาพระเครื่องเก่า เมื่อเข้ามาที่บ้านคนร้ายเห็นว่าตนมีลูกชาย จึงแอบอ้างต่อว่าสามารถนำลูกของตนเข้ารับราชการโดยจะฝากให้กับผู้ใหญ่ พร้อมเรียกค่าดำเนินการจำนวน 60,000 บาท

นอกจากนี้ ได้หลอกขอเอาพระเครื่องของตนและญาติไปให้ผู้ใหญ่ดู อีก จำนวน 16 องค์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่าหนึ่งแสนบาท ทั้งนี้ที่หลงเชื่อเนื่องจากคนร้ายดูภูมิฐานเหมือนข้าราชการจริงๆ อีกทั้งยังแอบอ้างว่ารู้จักข้าราชการตำรวจผู้ใหญ่หลายคน