คืนชีพจอมทัพหมายเลข 10 และการกลับมาของ"ปืนโต"

การเสียท่าให้แชมป์เก่าในเกมนัดเปิดสนาม ขณะที่แมทช์ถัดมาต้องมือเปล่าแบบชอกช้ำที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ กลายเป็นเรื่องที่สาวก “เดอะกันเนอร์ส” ให้อภัยได้ เพราะหลังจากนั้นสิ่งที่เฮดโค้ชเจ้าพ่อบอลถ้วยได้ทำให้เห็น คือ การเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ในรอบ 11 ปี

หลังจบเกมที่อาร์เซนอล เปิดบ้านเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี 3-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันเดย์ไนท์ที่ผ่านมา นอกจากส่งให้ลูกทีมของ อูไน เอเมรี กุนซือชาวสแปนิช ขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งท็อปโฟร์บนตารางคะแนนแล้ว สามแต้มดังกล่าวยังเป็นการคว้าชัยในลีก 7 ติดต่อกัน และเป็นเกมที่ 10 เมื่อนับรวมทุกรายการ ถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 ที่ครั้งนั้นเก็บชัย 12 นัดรวด

เครื่องร้อนช้า

“ครึ่งแรกเราออกสตาร์ทด้วยความเฉื่อยชา แต่ครึ่งหลังแตกต่างออกไป" เอเมรี พูดถึงหลังเกมที่เปิดบ้านทุบ “สุนัขจิ้งจอก” โดย 19 ประตู ที่ไอ้ปืนใหญ่สลุตตาข่ายได้ในครึ่งเวลาหลังมีถึง 14 ลูกด้วยกันที่เป็นการยิงจากการตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อน

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงแรกชื่อของเอคตอร์ เบเยริน ฟูลแบ็กเจ้าถิ่น ปรากฏหลาบนป้ายสกอร์บอร์ดที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่มันดันเป็นการถูกบันทึกชื่อในฐานะผู้เล่นที่ทำเข้าประตูตัวเอง ซึ่งตั้งแต่ลงบู๊บนลีกสูงสุดของอังกฤษ นี่คือการยิงประตูตัวเองหนแรกตลอด 133 นัดที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามแบ็กขวาหน้ามนคนสแปนิชมาแก้ตัวสำเร็จ เมื่อเป็นคนผ่านบอลให้ เมซุต โอซิล ซึ่งลงสนามในฐานะกัปตันทีม กระทุ้งประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนหมดครึ่งแรก 4 นาที รวมถึงประตูแซงนำในครึ่งเวลาหลังที่ปาดให้ ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง ที่เพิ่งลงสนามมาแค่ 2 นาที ซัดจ่อๆ ให้ทีมพลิกกลับขึ้นมานำ 2-1 เมื่อผ่าน 1 ชั่วโมงเต็มของเกม เท่านั้นไม่พอ โอบาเมยอง อาศัยเวลาอีก 3 นาทีถัดมา กดประตูที่สองของตัวเองและเป็นลูกปิดกล่องในชัยชนะ 3-1 เบ็ดเสร็จดาวยิงกาบองเปลืองเวลาไป 130 วินาที กับการเบิ้ลตาข่ายหนนี้ แถมจำนวนประตูที่ต้นสังกัดยิงได้ในลีกทั้งหมด 22 ลูก ตั้งแต่เปิดฤดูกาล หัวหอกค่าตัว 55 ล้านปอนด์ มีส่วนร่วมถึง 21 ลูกด้วยกัน (ยิงเอง 16 ประตู แอสซิสต์อีก 5 ครั้ง) ด้าน "สวอคกา" องค์กรเก็บสถิติเจ้าดัง ระบุว่า ตั้งแต่ขึ้นปฏิทินปี 2018 ไม่มีแข้งปืนรายใดมีส่วนร่วมกับการพังตาข่ายของปืนโตได้เท่า “โอบา” อีกแล้ว เมื่อกระซวกไป 18 ประตู, 5 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 24 นัด นับรวมทุกรายการ แต่ตัวเลขและสถิติที่ยกมาทั้งหมดของดาวยิงเบอร์ 1 ของทีม ยังไม่โดดเด่นเท่ากับจอมทัพเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งค่ำคืนมันเดย์ไนท์ที่ผ่านมาถูกยกให้เป็นโชว์ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของจอมสร้างสรรค์เกมรายนี้

ค่ำคืนของจอมทัพเบอร์ 10

อาภัพโชคมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วต่อจนมหกรรมบอลโลกฉบับหมีขาวที่กลายเป็นจำเลยสังคมจากความล้มเหลวของทั้งสโมสรและทีมชาติที่เลือกรับใช้

แต่ถึงเวลานี้กว่า 3 เดือนตั้งแต่จบฟุตบอลโลก และอีก 9 เกม ตั้งแต่เปิดซีซั่นใหม่ เสียงก่นด่าแปรเปลี่ยนเป็นการรุมแซ่ซ้องทันทีเมื่อแพะรับบาปอินทรีเหล็กกลับมาเจิดจรัสกับต้นสังกัดในยุคใหม่ ประตูตีเสมอ 1-1 ในเกมกับเลสเตอร์ ทำให้ โอซิล ยิงไปแล้ว 3 ประตู จาก 4 เกมหลังสุด เป็นการพังสกอร์มากสุดเทียบเท่า 22 เกมก่อนหน้านี้ที่ลงเล่นให้ต้นสังกัด และตั้งแต่ย้ายมาหากินยังเมืองผู้ดีเมื่อ 5 ปีก่อน “โอซิล” เจาะตาข่ายให้อาร์เซนอลไปแล้ว 30 ประตู สูงที่สุดตั้งแต่เคยมีนักเตะของเยอรมนีย้ายมาล่าตาข่ายบนลีกสูงสุดอังกฤษ แซงหน้า เจอร์เกน คลินส์มันน์ และอูเว รอสเลอร์ 2 ตำนานที่ทำไว้ 29 ประตูเท่ากัน อย่างไรก็ตามสถิติการยิงประตูที่ยกมาเพียงแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่าเพลย์เมกเกอร์วัย 29 ปี กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งเท่านั้น เพราะเครื่องหมายการค้าของเจ้าของเสื้อเบอร์ 10 คือ การปั้นและสร้างสรรค์โอกาสตามแบบฉบับจอมทัพดั้งเดิมที่นับวันผู้เล่นสไลต์นี้เริ่มจะสาปสูญไปตามยุคสมัยของโมเดิร์นฟุตบอล

เวลาในสนาม 80 นาทีของโอซิล ถูกบันทึกไว้ว่า เขาเป็นนักเตะที่จ่ายบอลในแดนคู่แข่งได้มากที่สุดเหนือกว่าผู้เล่นทุกคน (50 ครั้ง) เป็นการจ่ายบอลสำเร็จถึง 90% และนอกจากประตูตีเสมอ 1-1 อีกสองลูกที่ตามมา โดยเฉพาะแอสซิตส์ปิดกล่องยังแสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงของจอมปั้นรายนี้ได้เป็นอย่างดี “ผมคิดว่าพวกเราเป็น “เซ็กซี่ฟุตบอล” ในค่ำคืนนี้ ภูมิใจที่ได้เป็นกัปตันทีมให้ทีมนี้และสโมสรแห่งนี้” โอซิล ทวิตข้อความหลังเกมกับเลสเตอร์

กระทาชายจากแคว้นบาสก์

หากตัดสินผลงานแค่เกมกับเลสเตอร์ แน่นอนว่า 2 ดาวเตะแม่เหล็ก คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาร์เซนอล กลับมาคืนฟอร์มใน 10 นัดหลังสุด

อย่างไรก็ตามการฟื้นคืนชีพครั้งนี้ของอาร์เซนอล (และอาจรวมถึงโอซิล ด้วย) ผู้ที่ควรได้รับเครดิตทั้งหมดหนีไม่พ้นกระทาชายจากแคว้นบาสก์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สาวกปืนใหญ่คลายความสงสัยการต่อบอลสั้นหน้าเขตโทษตั้งแต่เปิดฤดูกาลลงทันที เมื่อได้เห็นประตูที่ยิงใส่ลูกทีมของโคลด ปูแอล ในนาที่ 66 โดยตั้งแต่บอลออกจากเท้าแบรนด์ เลโน ผู้รักษาประตู นักเตะ 10 คน กับการสัมผัสบอลทั้งหมด 16 ครั้ง จนไปจบที่โอบาเมยอง ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

ยิงประตูคู่แข่งอย่างน้อย 2 ประตูมา 11 นัดติดต่อกัน

14 จาก 19 ประตู ที่ยิงคัมแบ็กและเป็นทีมที่ได้ประตูจากผู้เล่นสำรองมากสุดในพรีเมียร์ลีก (6 ครั้ง)

บ่งบอกถึงแนวทางและชั้นเชิงในการแก้เกมของเอเมรี ได้เป็นอย่างดี ขณะที่การให้โอกาส มัตเตโอ เกนดูซี พลิกบทบาท กรานิต ชากา จากห้องเครื่องสู่แบ็กซ้าย พลิกโฉม อเลกซองด์ ลากาแซตต์ และโอซิล จากหน้าเป็นหลังมือ ยังแสดงให้เห็นว่าอดีตนายใหญ่เซบีญาไม่ได้มีดีแค่คว้าแชมป์ยูโรปาเพียงอย่างเดียว

เฉกเช่นเดียวกับปัจจุบันที่พาอาร์เซนอล โขยกขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตาราง โดยมี 21 แต้มเท่ากับเชลซี อันดับ 3 และเขี่ย ทอตแนม ฮอตสเปอร์ คู่แค้นไปอยู่ที่ 5 ด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า

สัปดาห์นี้จะเป็นคิวบอลถ้วยยุโรปซึ่งแน่นอว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยังเป็นไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้กับการคัมแบ็กโอลด์ แทรฟฟอร์ดของ คริสเตียโน โรนัลโด

แต่ขณะเดียวกันคอลูกหนังอาจต้องเพิ่มโปรแกรมถ้วยเล็กอย่างยูโรปาลีก โดยเฉพาะในกลุ่มอี ที่อาร์เซนอล จะบุกเยือน สปอร์ติง ลิสบอน ถิ่นเก่าของสตาร์โปรตุกีส ในคืนนี้ (25 ต.ค.) เข้าไปเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของเกมยุโรปนัดกลางสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน

พชร นาคจู : เรียบเรียง