“ท๊อป สายหื่น” เสียงแข็งปฏิเสธทุกข้อหา ลวงลูกเซียนพระไปกักขังขืนใจ ขอให้การในชั้นศาล ด้านตำรวจค้านประกันตัว
จากกรณีนายคาสฑฎา บัวทอง หรือ ท๊อป อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาหลอกลวง น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 19 ปี บุตรสาวของนักสะสมพระชื่อดัง ผ่านทางโปรแกรมแชทเฟซบุ๊ค ไปดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านอาหารในพื้นที่สน.ตลิ่งชัน จากนั้นพาขึ้นรถยนต์ เพื่อไปข่มขืนที่บ้านพัก พร้อมทั้งกัดขังหน่วงเหนี่ยว และชิงทรัพย์ เกิดเหตุเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดตลิ่งชันอนุมัติออกหมายจับ ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยที่ผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ,ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืนและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย (3 ข้อหา) ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ที่อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่ สน.ตลิ่งชัน พนักงานสอบสวนได้นำตัว นายคาสฑฎา บัวทอง หรือ ท๊อป อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน และแม่(ไม่ทราบชื่อนามสกุล) มาสอบปากคำอีกครั้ง ก่อนจะนำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน โดยผู้ต้องหา และแม่ มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด และผู้ต้องให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตั้งแต่ถูกจับกุม กระทั่งชั้นพนักงานสอบสวนก็ยังคงให้การปฏิเสธ แต่ระบุว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น จึงไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
นอกจากนี้หลังจากการสอบปากคำเสร็จสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้องสอบสวน โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับผู้สื่อข่าว ขณะที่แม่ของผู้ต้องหาพยามยามที่จะปกปิดใบหน้า และฏิเสธการให้สัมภาษณ์เช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.น.7 ฝ่ายสืบสวน สน.ตลิ่งชัน และ ชุดสืบสวนบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหานั้น ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี แต่หนีไม่รอด จึงกลับลำเข้ามอบตัวกับชุดจับกุมแทน เพื่อหวังจะได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ทางพนักงานาอบสวนจึงคัดค้านการประกัน เพราะอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหาก่อเหตุเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว หากใครมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหารายนี้ สามารถแจ้งได้ที่สน.ตลิ่งชัน
สำหรับพฤติการณ์ของ นายศาสฑฎา คือ จะเปิดเฟซบุ๊ค ตั้งโปรไฟล์ปลอม แอบอ้างเป็นตำรวจ และทักแชทไปหา สาวสวย และพูดคุยกัน จากนั้น ก็จะชวนไปเที่ยว ซึ่ง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ตกเป็นเหยื่อ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. นายศาสฑฎา ได้แชทชักชวนผู้เสียหายไปเที่ยว ก่อนขับรถไปรับผู้เสียหายพาไปผับย่านตลิ่งชันกระทั่งเวลา 00.30 น. วันที่ 6 ต.ค. นายศาสฑฎา พาผู้เสียหายไปที่บ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านมหาดไทย 2 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. เป็นบ้าน 2 ชั้น ก่อนให้ผู้เสียหายเข้าไปในบ้าน แล้วล็อกกุญแจประตูขังไว้
กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. นายศาสฑฎา ย้อนกลับมาที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นพาผู้เสียหายไปขืนใจภายในห้องนอน ก่อนใช้กำลังบังคับตบ-ตีชิงกระเป๋าสะพาย โทรศัพท์มือถือ และแหวนของผู้เสียหาย จากนั้น 16.30 น. วันเดียวกัน ได้พาผู้เสียหายไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มบริเวณห้างโลตัสเอ็กซ์เพรส สาขาอุดมทรัพย์ แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. ได้เงินไป 500 บาท แล้วทิ้งผู้เสียหายไว้ก่อนขับรถหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงนำเรื่องไปปรึกษาผู้ปกครองจนเข้าแจ้งความดังกล่าว