โดนถ้วนหน้า ปปง.อายัดทรัพย์ คดีทุจริต-ยาเสพติด-ค้ามนุษย์ มูลค่า 10 ล้าน
วานนี้( 28 ก.พ.) พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการฯปปง. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 4/2561 มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด จำนวน 126 รายการ รวมมูลค่ากว่า 10,450,010.27 บาท และมีมติให้ส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย 1 คดี ผู้เสียหายจำนวน 2 ราย รวมทรัพย์สินที่คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย จำนวน 66 รายการ รวมมูลค่ากว่า 51,559,673.21
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมปปง.มีมติอายัดทรัพย์คดีทุจริต 2 คดี จำนวน 28 รายการ ประกอบด้วยคดีทุจริตจัดซื้อสารเคมีผลิตภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีโรคระบาดด้านพืช จังหวัดอุบลราชธานี โดยผลการตรวจสอบพบว่า นายสุรพล สายพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กับพวก เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และกระทำการด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เป็นเจ้าพนักงานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นเท็จ หรือรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ทำให้ราชการได้รับความเสียหายจากผลของการกระทำ คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการ เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้ว จำนวน 328 รายการ พร้อมดอกผล รวมมูลค่ากว่า 422,986,965 บาท ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ล่าสุด คณะกรรมการธุรกรรม มีมติให้ยึดทรัพย์สินเพิ่มเติม อีก 25 รายการ ได้แก่ รถบดถนน และรถแทร็กเตอร์ โดยมูลค่าของทรัพย์สินอยู่ระหว่างการตรวจสอบและประเมินราคา
นอกจากนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติอายัดทรัพย์ น.ส.พัชนิดา เค้าแคน กับพวก ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบพบว่านางสาวพัชนิดา เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน สำนักฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ มีหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการยืม/ส่งใช้ เงินยืมทดรองราชการ และนำเงินส่วนที่เหลือส่งคืนสำนักการคลัง แต่กลับนำเงินทดรองราชการซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตนไปใช้จ่ายหมุนเวียนส่วนตัวเรื่อยมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2557 ทำให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับความเสียหายประมาณ3,501,511.20 บาท คณะกรรมการธุรกรรม มีมติให้ยึดอายัดทรัพย์สิน จำนวน 2 รายการ พร้อมดอกผล ได้แก่ ที่ดินตามโฉนดที่ดิน อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด (อาคารชุดเคหะชุมชนธนบุรี 1) อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดกรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 2 รายการ (อยู่ระหว่างการประเมินราคา)
รองเลขาธิการปปง. กล่าวอีกว่า สำหรับคดียาเสพติดที่ถูกอายัดทรัพย์ จำนวน 4 คดี รวมทรัพย์สินที่ยึดอายัดทั้งสิ้น จำนวน 25 รายการ รวมมูลค่ากว่า 6,101,689.30 บาท ได้แก่ คดีนายนเรศ ทริปาทิ กับพวก ซึ่งถูกจับกุมพร้อมยาบ้า 20,000 เม็ด คณะกรรมการฯมีมติอายัดทรัพย์ มูลค่ากว่า 1,049,905.97 บาท 2 คดีนายแสงไทย โคตรสมบัติ และนางศิริพร โคตรสมบัติ กับพวกมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติดและนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายยาเสพติดมาปล่อยกู้นอกระบบ และมีวิธีการทวงหนี้ด้วยการกรรโชกทรัพย์ จากการตรวจค้นบ้านพบสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 121 ฉบับ คณะกรรมการธุรกรรมฯมีมติอายัดทรัพย์สินจำนวน 14 รายการ มูลค่ากว่า 3,372,942.56 บาท
3.คดีนายวิรัตน์ ก้อนคำตัน เจ้าของธุรกิจห้องพักในจ.ลพบุรี กับพวกซึ่งมีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดโดยนำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ตามห้องเช่าที่ให้บุคคลอื่นเช่าพักอาศัย คณะกรรมการธุรกรรมฯมีมติอายัดเงินสด 1 รายการ จำนวน 153,700 บาท พระเครื่อง 5 รายการ อยู่ระหว่างการประเมินราคา และเงินฝากในบัญชีเงินฝาก จำนวน82,649.77 บาท และ4 คดีนายพรชัยเพ็ชร์รัตน์ กับพวกผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ซึ่งมีเครือข่า ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ราชบุรี สุพรรณบุรี ปัจจุบันถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำกลางราชบุรี 15 ปี ก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุกรรมฯเคยอายัด ไปแล้ว 2 รายการ รวมมูลค่ากว่า 1,230,000 บาท ล่าสุดพบทรัพย์สินเพิ่มอีก1,442,500 บาท
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯยังมีมติยึดอายัดทรัพย์คดีเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ 2 คดี รวม จำนวน 3 รายการ รวมมูลค่ากว่า 3,719,620.97 บาท คือ คดีนายไมเคิล เพิร์ล (MR.MICHAEL PEARL) กับพวกซึ่งดีเอสไอสืบสวนพบผู้เสียหายที่เป็นชาวโมร็อคโค 4 ราย ที่ถูกหลกมาค้าประเวณีในร้านอาหารประเทศไทยอ้างว่ามารายได้เดือนละ45000 บาท เมื่อกลุ่มผู้เสียหายเดินทางมาถึงกลับถูกส่งไปค้าประเวณี คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติอายัดทรัพย์ 2 รายการ พร้อมดอกผล รวมมูลค่ากว่า 1,234,620.97 บาท และคดีนางสาวพัชรี ผลบุญ กับพวก รวม 5 คนถูกตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ ดำเนินคดีฐานค้ามนุษย์และอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องคณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติยึดทรัพย์ มูลค่ากว่า 2,485,000 บาท
คณะกรรมการธุรกรรม ยังมีมติอายัดทรัพย์คดีความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์และรับของโจร จำนวน 1 คดี รวมทรัพย์สินที่ยึดอายัดทั้งสิ้น จำนวน 70 รายการ รวมมูลค่ากว่า 559,700 บาท จากกรณีนายฌอน ปีแอร์ แอนเดรส ออลเตก้า ดูอาร์เต้ กับพวก ได้บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายในเวลากลางคืนเพื่อลักทรัพย์และได้ไปซึ่งทรัพย์สินมูลค่าประมาณ3,000,000 บาท และนำทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์ไปขายให้กับนางสาวกาญจนา ประสงค์เสรีนนท์ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว จำนวน 70 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่ากว่า 559,700 บาท
รองเลขาธิการปปง. กล่าวด้วยว่า ปปง.ได้ส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย จำนวน 1 คดี รวมมูลค่ากว่า 51,559,673.21 บาท เป็นคดีบริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด กับพวก ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศและขอให้โอนเงินสินเชื่อไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นการชำระค่าซื้อขายสินค้า ต่อมาธนาคารพบว่าบริษัทผู้ขายสินค้าและบริษัทผู้ชำระเงินค่าสินค้า มีกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนเดียวกัน ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ค้าของบริษัทฯ ตามที่ได้แจ้งไว้กับธนาคาร และมีการยื่นเอกสารปลอมในการขอสินเชื่อตั้งแต่ปี 2554-2556 จนเป็นเหตุให้ธนาคารหลายแห่งได้รับความเสียหาย 3,400 ล้านบาท คณะกรรมการธุรกรรม ได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินของบริษัท เอพีเอส คล็อค ซีสเต็มส์ จำกัด กับพวกไปแล้ว จำนวน 82 รายการ พร้อมดอกผล รวมมูลค่ากว่า 62,183,563.07 บาท ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 137/2560ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2560 คณะกรรมการธุรกรรม ได้มีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ได้อายัดไว้ชั่วคราว จำนวน 66 รายการ พร้อมดอกผล ไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามอัตราส่วน ความเสียหายของผู้เสียหายจำนวน 2 ราย รวมมูลค่ากว่า 51,559,673.21 บาท