รวบหนุ่มญี่ปุ่นแก๊งทำคลิปโป๊ เร่งตรวจสอบมีเด็กไทยตกเป็นเหยื่อหรือไม่

รวบหนุ่มญี่ปุ่นแก๊งทำคลิปโป๊ เร่งตรวจสอบมีเด็กไทยตกเป็นเหยื่อหรือไม่

สตม.ร่วม TICAC รวบหนุ่ม “ญี่ปุ่น” แก๊งผลิตคลิปโป๊ หนีกบดานไทย ตร.ชี้เร่งตรวจสอบมีเด็กไทยตกเป็นเหยื่อหรือไม่


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ที่ปรึกษา(สบ.10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าคณะทำงานปราบปรามล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต หรือ TICAC พร้อมด้วยพล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. พล.ต. ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ประวิทย์ ศิริธร ผกก.กก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี สว.กก.2 บก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายโทโมฮิโร โอกาว่า (MR.TOMOHIRO OGAWA) อายุ 44 ปี สัญชาติญี่ปุ่น พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง ฮาร์ทดิสจำนวน 2 อัน ภายในบรรจุพบภาพและคลิปวีดีโอซึ่งเป็นภาพอนาจารเด็กจำนวนมาก และอุปกรณ์เซ็กทอยจำนวนหนึ่ง

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้การประสานงานจากตำรวจประเทศญี่ปุ่นว่ามีกลุ่มบุคคลสัญชาติญี่ปุ่น ได้ส่งต่อภาพถ่ายและคลิปวีดีโอการอนาจารเด็กในกลุ่มแอพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งสมาชิกภายในกลุ่มไลน์ดังกล่าวมีจำนวนสมาชิกชาวญี่ปุ่นทั้งหมด 16 ราย โดยจำนวน 12 ราย ได้ถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายไปก่อนหน้านี้ ต่อมาพบว่ามีผู้ต้องหา 1 ราย ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่คณะทำงาน TICAC จึงได้ร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการสืบสวนในพฤติการณ์ของคนญี่ปุ่นรายนี้

ด้านพล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า จากการสืบสวนนานกว่า 5 เดือน ทราบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม ได้เข้ามาอาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2556 และเดินทางเข้าและออกประเทศ ไทยถึง 136 ครั้ง โดยมีวีซ่าประเภททำงาน ให้กับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการชื้อขายหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ ในย่านสุขุมวิท จนกระทั้งเวลาประมาณ 07.00 น. วันเดียวกันนี้ (8 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ ค.18/2561 ลงวันที่ 7 ก.พ. 2561 เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 402 ภายในอพาร์ทเม้นท์หรูแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 31 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ของผู้ต้องหา เบื้องต้นพบภาพถ่ายลามกอนาจารของเด็กชายอายุระหว่าง 14-15 ปี เป็นจำนวนมาก ทั้งภายในโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวน พร้อมยึดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ

พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหายังคงไม่ให้การใดๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเอาผิดอย่างแน่นหนา นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้เคยถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมมาแล้วถึง 3 ครั้ง ในข้อหา ซื้อบริการทางเพศเด็ก โดยถูกตัดสินลงโทษแล้ว โดยที่ญี่ปุ่นมีโทษแค่ปรับเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นจะต้องรอสืบสวนขยายผลต่อ ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง และมีการถ่ายทำในประเทศไทยบ้างหรือไม่ หากพบว่ามีเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการเอาผิดเพิ่มเติมต่อไป

20180208171110914

ด้านตัวแทนสถานทูตรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เคยมีการก่อคดีที่ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว 3 ครั้ง เกี่ยวกับการซื้อบริการทางเพศเด็กที่เป็นเยาวชน อายุเพียง 13 – 14 ปี เมื่อพ้นคดีแล้วจึงเดินทางเข้ามาประกอบอาชีพเป็นนักอสังหาริมทรัพย์อยู่ในประเทศไทย และจากข้อมูลที่ได้มาในเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหามีครอบครัวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีภรรยากับลูกแล้วด้วย และจากภาพหลักฐานในคลิปวิดีโอพบว่า มีคลิปบางส่วนเป็นการถ่ายทำเอง แต่บางส่วนอาจต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคให้ช่วยทำการตรวจสอบก่อน เพราะอาจพบผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติม ส่วนเด็กที่อยู่ในคลิปมีใบหน้าคล้ายเด็กไทย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันที่แน่ชัด และจากการตรวจยึดของกลางที่เป็นเครื่องฮาร์ดดิสก์ชนิดเอ็กซ์เทอร์นอลความจุ 1 เทเลไบรท์ ไม่พบข้อมูลอื่นใด นอกเหนือจากคลิปวิดีโอในเชิงการมีเพศสัมพันธ์ การกระทำการอนาจารของเด็กทั้งหมด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ผลิต ครอบครองและเผยแพร่ สื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลมีลักษณะอันลามก” นำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

สำหรับคดีดังกล่าวทีมสืบสวนได้รับข้อมูลว่า เมื่อ พ.ศ. 2557-59 ตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมครูประจำชั้นและครูสอนพิเศษของแคมป์นักเรียนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ในข้อหา ลวนลามเด็กและผลิตสื่อลามกโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ โดยตำรวจญี่ปุ่นได้ยึดภาพถ่ายจำนวน 100,000 ภาพ และคลิปวีดีโอของเด็กจำนวน 168 คน ซึ่งผู้กระทำความผิดในคดีประกอบด้วย ครูที่ปรึกษาค่าย อาจารย์สอนพิเศษ และนักศึกษามหาวิทยาลัย ได้มีการค้าสื่อลามกเด็กเฉพาะในกลุ่มไลน์ของตนเอง โดยตำรวจญี่ปุ่นสงสัยว่าอาจจะมีการแชร์การกระทำอนาจารไปที่อื่นด้วย จนนำไปสู่การจับผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 12 คน และมาตามจับคนที่ 13 ได้ที่ในประเทศไทย