ปฐมนิเทศ 16 นักโทษผลิตปืนไทยประดิษฐ์

กรุมคุก - สรรพาวุธทหารบก ร่วมเปิดพิธีปฐมนิเทศ 16 นักโทษ ผลิตปืนไทยประดิษฐ์ พบ 3 ราย เชี่ยวชาญขั้นเทพ “ออกแบบ ผลิต ซ่อม ครบวงจร”
เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 61 ที่ เรือนจำกลางบางขวาง พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ท.อาวุธ เอมวงศ์ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก เป็นประธานพิธีเปิด และปฐมนิเทศโครงการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังในมิติใหม่ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ภายใต้ชื่อ ไทยประดิษฐ์
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า โครงการฝึกอาชีพนี้ถือเป็นมิติใหม่ เพราะมีผู้ต้องขังจำนวนไม่น้อยที่พ้นโทษออกไปแล้วกลับไปกระทำผิดซ้ำ สาเหตุเพราะขาดโอกาสและไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม การที่หน่วยงานราชการเปิดโอกาสและสนับสนุนผู้ต้องขังเหมือนชี้ทางสว่างให้ ซึ่งผู้ต้องขังบางส่วนสามารถปรับ กลับแก้ไขตัวพฤติกรรมนิสัยได้ และการลงโทษก็ไม่ต้องการแก้แค้นแต่เพื่อเป็นการแก้ไขให้สามารถกลับไปทำประโยชน์ได้ซึ่ง หลังจากผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้ว กรมราชทัณฑ์จะทำสถิติและข้อมูลผู้ต้องขังที่พ้นโทษทุกราย รวมถึงผู้ต้องขังทั้ง 16 รายด้วย และนำส่งไปที่สำนักงานตำรวจแห่งและฝ่ายปกครอง หากพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำอีกจะถูกจับกุมได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ต้องขังที่ฝึกอาชีพประกอบอาวุธปืนทั้ง 16 ราย จะมีกำหนดพ้นโทษไม่เท่ากัน โดยส่วนมากจะมีกำหนดพ้นโทษ 3 ปี การต่อยอดทำงานจึงขึ้นอยู่การระเบียบทำงานราชการและความพร้อมของผู้ต้องขังแต่ละคนด้วย โดยการฝึกวิชาชีพครั้งนี้ไม่ถือเป็นสิทธิประโยชน์แต่ถือเป็นความชอบอย่างหนึ่งที่สามารถนำมาใช้บริหารจัดการที่นำมาใช้ในเรือนจำได้ หากใครที่มาช่วยราชการและมีผลงานก้าวหน้าก็เป็นหน้าที่ของทางราชการที่จะนำเสนอเพื่อให้พักโทษหรืออภัยโทษในเวลาสำคัญได้
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามมติสภากลาโหม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวคิดในการแก้ไขผู้กระทำผิดด้วยการฝึกงาน ฝึกทักษะอาชีพให้กับผู้ต้องขังในคดีพระราชบัญญัติอาวุธปืนและคดีที่เกี่ยวข้องจึงสั่งการให้กระทรวงกลาโหม ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ พิจารณาคัดเลือกผู้ต้องขังในการผลิตปืนเข้ารับการฝึกอบรมใน “โครงการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังในมิติใหม่ เพื่อสนับสนุนอุสาหกรรมป้องกันประเทศ” ให้สามารถผลิตเป็นอาวุธที่ใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตลอดจนเป็นการใช้เวลาระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำให้เกิดประโยชน์ และสร้างรายได้ให้กับครอบครัว โดยกรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารบกได้คัดเลือกผู้ต้องขังที่เหมาะสม เข้ารับการฝึกอบรมในโครงการดังกล่าว เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศภายใต้ชื่อ “ไทยประดิษฐ์” ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการแก้ไขฟื้นฟู พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เป็นการนำเอาภูมิปัญญาที่มีอยู่ในตัวผู้ต้องขังเกี่ยวกับการผลิตอาวุธปืน การแก้ไขดัดแปลงอาวุธ มาผสานเข้ากับเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่เป็นสากลจากผู้เชี่ยวชาญด้านทหาร เพื่อเป็นการสร้างงานและสร้างโอกาสใหม่ให้เกิดขึ้นกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งในครั้งนี้มีผู้ต้องขังที่ผ่านกระบวนการคัดกรองจากกรมสรรพาวุธทหารบกเข้าฝึกอบรมตามโครงการดังกล่าว จำนวน 16 คน ใช้ระยะเวลาในการฝึกอบรม 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. – 2 ก.พ. 2561 โดยได้รับการสนับสนุนเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ รวมทั้งวิทยากรดำเนินงานจาก กรมสรรพาวุธทหารบก เข้าให้ความรู้แก่ผู้ฝึกอบรมแก่ผู้ต้องขังในการผลิตอาวุธอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
พล.ท.อาวุธ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้คัดเลือกผู้ต้องขังในคดีดังกล่าวจากเรือนจำทั่วประเทศมาจำนวน 200 คน และจาก ส่วนกลาง 33 คน ส่งให้กรมสรรพาวุธทหารบกทดสอบภาคทฤษฎี และภาคปฎิบัติ รวมทั้งการตรวจสอบทางจิตเวช จนสามารถคัดกรองออกมาได้ 16 คน โดยการอบรมแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ภาคทฤษฎีจะเน้นการคิดค้นแบบ การออกแบบ ซึ่งเป็นการนำทักษะของผู้ต้องขังโดยใช้ผู้ต้องขังเป็นศูนย์กลางและเอาความรู้จากเขา
ขณะเดียวกันทางราชการจะได้ความรู้จากเขาส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นจึงจะมีการสอดแทรกเรื่องอุดมการณ์ ความรักชาติ ความเสียสละ และกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ ส่วนภาคปฎิบัติจะสอนเรื่องการทำต้นแบบ ชิ้นงาน วิธีการใช้เครื่องมือ เครื่องทดสอบต่างๆ ทั้งนี้จำนวน 16 คนก็จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะเป็นพวกที่มีความรู้ค่อนข้างดีที่ทางซึ่งราชการสามารถนำมาต่อยอดได้ และให้ประโยชน์และความรู้กับทางราชการได้เอามาคิดต้นแบบวิจัย พัฒนา ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นพวกสมัครใจและมีความรักชอบในอาวุธ โดยจะไม่เน้นเรื่องอาวุธสงคราม แต่จะเน้นเรื่องปืนพก ปืนลูกซองของพลเรือนเป็นหลัก
ด้าน นายดิน (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ชาว จ.ตาก ต้องโทษคดีผลิตอาวุธปืนและพยายามฆ่า เปิดเผยว่า ตนได้รับโทษจำคุกคดียิงคู่อริ ขณะก่อเหตุก็ยอมรับว่าตอนนั้นเป็นวัยรุ่นจึงใช้อารมณ์ตัดสินใจ แต่หลังจากติดคุกมา 3 ปี พบว่ามีโครงการฝึกนักโทษฝึกทำอาวุธ จึงสมัครและผ่านการคัดเลือก ละถูกส่งตัวมาจากจังหวัดตากเพื่อเข้ารับการฝึกที่เรือนจำบางขวาง ทั้งนี้ผู้ต้องหาจากใน จ.ตาก ทั้งหมดมีผู้ต้องหาผ่านการคัดเลือก 3 ราย สำหรับวิธีการผลิตปืนนั้น ตนได้รับการถ่ายทอดจากคนสูงอายุในพื้นที่ จากนั้นตนก็ฝึกทำจนผลิตได้ ทั้งอาวุธปืนสั้น ปืนลูกซองยาว ทำได้ทุกประเภทแต่ไม่ได้ทำขาย ก่อนติดคุกตนทำอาชีพเดินสายเคเบิล เมื่อได้ผ่านการคัดเลือกตนได้เขียนจดหมายไปแจ้งข่าวดีกับแม่ หลังจากนี้ตนก็ตั้งใจที่จะใช้โอกาสครั้งนี้ในการกลับตัวสร้างอาชีพ ถือว่าได้มาพบทางเลือกที่ดี ได้ทำในสิ่งที่ชอบและถนัด ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายอีกต่อไป
นาย อิฐ นามสมมุติ วัย 50 ปี เผยว่า ตนเคยเป็นหัวหน้าช่างในโรงงานอุตสาหกรรม มีทักษะในการผลิตและดัดแปลงปืนก่อน ก่อนโดนจับกุน ตนก็รับจ้างผลิตและซ่อมปืน ในวงการตนก็ถือเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง เมื่อได้รับโอกาสจากทางราชการ ตนจึงตั้งใจ ทำอย่างเต็มที่เผื่อว่าจะได้รับโอกาสในการรับใช้ชาติ
นายอ่ำ วัย 48 ปี นักโทษจากเรือนจำอำเภอหลังสวน เปิดเผยว่า ตนได้เริ่มผลิตปืนเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา. โดยแรกเริ่มมีผู้นำปืนยิงนกมาให้ดูเป็นต้นแบบ ตนจึงได้ศึกษารูปแบบและวาดรูปแบบเองจนชำนาญและได้ผลิตปืนเอง จากนั้นตนได้เปิดร้านรับซ่อม และมีคนนำปืนแบบต่างๆมาให้ซ่อมอยู่บ่อยๆ
นาย อึ่ง ผู้ต้องโทษคดีพยายามฆ่า เหลือโทษอีก 1 ปี 8 เดือน เปิดเผยว่า ตนรู้จักและคลุกคลีกับปืนมาตั้งแต่เด็ก แต่นำไปใช้ในทางผิดหลังติดคุกก็รู้สึกสำนึกในความผิดที่ทำไป เมื่อได้รับการคัดเลือกเข้าอบรมผลิตอาวุธปืนจะเรียนรู้อย่างเต็มที่ ตนจะได้มีโอกาสได้รับการบรรจุในกองทัพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการดังกล่าว ผู้ผ่านการเข้ารับอบรม มีอายุสูงสุด 50 ปี ต่ำสุดอายุ 23 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่ม ในจำนวน 16 รายที่ผ่านการคัดเลือกพบว่าในจำนวน 3 รายมีความสามารถสูงในการผลิตที่มีคุณภาพ โดยทั้ง 3 คน มีเทคนิคสูงซึ่งในส่วนนี้ทางราชการจำเป็นต้องไปขอข้อมูลมาพัฒนาวงการผลิตปืนไทยประดิษฐ์ต่อไป







