สาวใหญ่อาการทางประสาทกำเริบ ถือคัตเตอร์ไล่ทำร้ายข้างบ้านเจ็บสาหัส
เมื่อเวลา 13 .00 น.วันที่ 14 มกราคม 2560 ร.ต.อ.นครินทร์ จำปานิล รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายถูกทำร้ายร่างกายถูกมีดคัดเตอร์กรีดที่ใบหน้าและลำตัวหลายแห่งได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 103 ซอยสำโรงเหนือ 8/1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยอาสากู้ชีพมูลนิธิป่อเต๊กตึ้งเดินทางเข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านดังกล่าวได้พบรอยเลือดสาดกระจายเกลื่อนพื้นได้พบนายสถิตย์ วิทยา อายุ 61 ปี นั่งอยู่ที่หน้าบ้านในสภาพเลือดแดงฉานท่วมตัว มีบาดแผลถูกกรีดด้วยของมีคมเข้าที่ใบหน้าและลำคอจนเป็นแผลฉกรรจ์ รวมทั้งที่บริเวณหน้าอกและลำตัว อีก 2 แห่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพอาสามูลนิธิได้รีบให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าเป็นหญิงอายุประมาณ 60 ปี ซึ่งมีอาการทางประสาทหลังก่อเหตุได้ว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างให้ไปส่งที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวบริเวณปากซอยแบริ่งและขึ้นรถไฟฟ้าหลบหนีไป
จากการสอบถามลูกชายของผู้บาดเจ็บได้ทราบว่า หญิงคนดังกล่าวมีอาการทางประสาทมานานแล้ว และชอบมีเรื่องทะเลาะกับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ ทางญาติและครอบครัวทนพฤติกรรมไม่ไหวได้ย้ายหนีไปพักที่อื่นจนหมดเหลือเพียงผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว ที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังติดกับบ้านของตน บางครั้งเอาเหล็กชะแลง มากระทุ้งใส่ข้างฝาบ้านที่อยู่กับตนที่กั้นด้วยไม้ฝาเฌอล่า จนทะลุเข้าไปในบ้านตน ตนและพ่อที่บาดเจ็บจึงได้ไปขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่โรงพักสำโรงเหนือ มาแล้ว
โดยในวันนี้ก่อนเกิดเหตุพ่อของตนก็ออกไปนั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านเหมือนทุกวัน อยู่ ๆ หญิงสาวคนก่อเหตุได้เดินออกมาจากบ้านที่อยู่ติดกันในมือถือมีดคัตเตอร์ เข้ามาในมีดคัดเตอร์กรีดเข้าที่ใบหน้าลำคอและลำตัวของพ่อตนที่นั่งอยู่โดยไม่ทันระวังจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ตนพยายามเข้ามาช่วยพ่อแต่ไม่ทันหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งไม่มีใครทราบชื่อได้วิ่งหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป และมาทราบจากผู้ขับขี่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างว่าได้ไปส่งหญิงคนดังกล่าวที่สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุอาการทางประสาทน่าจะกำเริบจึงควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงใช้มีดคัดเตอร์เดินเข้ามาก่อเหตุกับผู้บาดเจ็บก่อนหลบหนีไป อย่างไรก็ตามจะได้ติดตามจับกุมตัวหญิงผู้ก่อเหตุมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป