จับยกก๊วน 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' รับจ้างเปิดบัญชีตุ๋นเหยื่อ

จับยกก๊วน 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' รับจ้างเปิดบัญชีตุ๋นเหยื่อ

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงรวบตัวผู้ให้การสนับสนุน "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" โดยการรับจ้างเปิดบัญชีตุ๋นเหยื่อ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 มกราคม 2561 ที่ห้องประชุมชั้น 3 สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และ ตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษ191 ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจภูธรบางแก้ว ได้ร่วมกันแถลงผลการขยายผลจับกุมผู้ให้การสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เปิดบัญชี ขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีสูงถึง 5 ล้านบาท ในพื้นที่ สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ ได้ผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงอายุประมาณ 62 ปี เข้าแจ้งความความร้องทุกข์ที่ สภ.บางแก้ว และศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่ามีชายโทรศัพท์มาหาอ้างตัวเป็นตำรวจ ยศพันตำรวจตรี และแจ้งว่าผู้เสียหายเข้าไปเกี่ยวพันธุ์กับคดีฟอกเงินของแก๊งยาเสพติด พร้อมหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีอยู่โอนเข้าบัญชีของธนาคารต่าง ๆ ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้รับซื้อบัญชีของผู้ต้องหาทั้งหมดเอาไว้ เพื่อนำมาตรวจสอบผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้จำนวน 10 บัญชี บัญชีละ 5 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท โดยผู้เสียหายไปทำการโอนเงินผ่านธนาคารที่ห้างสรรพสินค้า

หลังรับทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทั้งหมดจึงได้ร่วมกันทำการตรวจสอบ พบว่าการกระทำของบุคคลดังกล่าว เป็นแผนการประทุษกรรมของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกันรวบรวมหลักฐาน เข้าขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และมีผู้ร่วมกระทำผิดดังกล่าวรวม 9 ราย ซึ่งมีรายชื่อในบัญชีธนาคารต่าง ๆ ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งเลขบัญชีมาให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไป จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 ราย ยังเหลืออีก 2 ราย ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ในส่วนการดำเนินการคืนทรัพย์สินให้กับประชาชนนั้น ขณะนี้ตำรวจร่วมกับ ปปง. กำลังดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อเฉลี่ยทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาได้มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการเฉลี่ยทรัพย์เพื่อคืนให้กับผู้เสียหาย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ยังกล่าวอีกว่า ในเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนพื้นฐานที่แท้จริง เพราะฉะนั้นวันนี้ที่เห็นเรามีการประกาศไปแล้วว่าใครรับจ้างเปิดบัญชีจับถึงบ้านใครรับจ้างเปิดบัญชีจับหมด เพราะฉะนั้นสมุดบัญชีธนาคารต่าง ๆ ที่เรียงรายเมื่อ 3 วันก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ในพื้นที่ปากน้ำ เราเตือนแล้วว่าจะเอาสมุดบัญชีไปขายหรือรับจ้างเปิดบัญชี ก็ยังไม่เลิกกันเพราะฉะนั้น วันนี้พวกที่รับจ้างเปิดบัญชีเรากวาดล้างหมด ไม่ว่าจะเอาบัญชีไปขายเราก็จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้หมด

หลังจากวันนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะผนึกกำลังกันออกไล่ล่าผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ ซึ่งเรามีเป้าหมายอยู่แล้วแต่เรายังบอกไม่ได้ และหลังปีใหม่นี้สถานการณ์ต่างๆจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนผู้ต้องหา 7 รายที่จับกุมได้นั้นยังได้เชื่อมโยงอีกหลายส่วน ซึ่งจะได้ทำการขยายผลต่อไป และขอแจ้งประชาชนว่า ไม่มีหน่วยงานการเงินใดในโลก หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย บังคับให้คนโอนเงินหน้าตู้เอทีเอ็ม หรือสถาบันการเงินโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลส่วนตัว หรือหากมีบุคคลอ้างว่าท่านได้รางวัลก้อนใหญ่โดยไม่มีสาเหตุนั้น ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน และหากคนไทยไม่ให้ความร่วมมือในการเปิดบัญชีให้กับแก๊งดังกล่าวแล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็จะไม่สามารถทำงานได้