ตร.รู้เบาะแสแก๊งมิจฉาชีพโกงตาชั่งซื้อหมูชาวบ้านยกคอกแล้ว จ่อออกหมายเรียก
คืบหน้าตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ รู้เบาะแสแก๊งมิจฉาชีพเป็นชายฉกรรจ์ 6 คน ตระเวนโกงตาชั่งซื้อหมูชาวบ้านยกคอกแล้ว เตรียมออกหมายเรียกสอบ ขณะชาวบ้านผู้เสียหายอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้แก๊งมิจฉาชีพชดใช้เงินที่โกงน้ำหนักหมูคืนด้วย
เมื่อวันที่ 6พ.ย.60 ความคืบหน้ากรณีที่มีแก๊งมิจฉาชีพ หลังเกิดเหตุนางบุญสม อาญาเมือง อายุ52ปี และ นางสร้อย อักษรณรงค์ อายุ48ปี สองพี่น้อง ที่มีอาชีพทำนาและเลี้ยงหมู ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์แล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเบาะแสของแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวแล้ว ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สุรินทร์ และกำลังอยู่ระหว่างออกหมายเรียกตัวมาสอบปากคำแต่หากออกหมายเรียก3ครั้งไม่มา ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับตามขั้นตอน
น.ส.กอบสิน โพธ์เมือง อายุ21ปี ลูกสาวป้าบุญสมเจ้าของหมูหนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนแรกได้มีคนในหมู่บ้านให้เบอร์ติดต่อกับนายหน้าหรือพ่อค้ารับซื้อหมูรายหนึ่ง จากนั้นพ่อค้าคนดังกล่าวก็มาดูหมูที่คอกเพียงคนเดียว แต่ตกลงราคากันไม่ได้จึงยังไม่ได้ทำการซื้อขายกันจึงเดินทางกลับ และบอกว่าหากต้องการจะขายให้ติดต่อเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนไว้หน้าคอกหมู ต่อมาตนจึงโทรศัพท์ไปตามเบอร์ดังกล่าว แต่คนที่รับสายไม่ใช่นายหน้าคนที่มาดูหมู แต่บอกว่าชื่อสิงห์ เป็นเครือข่ายเดียวกับคนที่มาดูหมูตอนแรก เมื่อคุยตกลงราคากันได้ต่อมาอีกประมาณ1เดือนนายสิงห์ พ่อค้ารับซื้อหมูก็ได้ขับรถกระบะมาที่คอกหมู พร้อมกับพวกรวม6คนโดยไม่แจ้งล่วงหน้าว่าจะมา แล้วมาถามว่าใช่บ้านนี้มั๊ยที่จะขายหมู ตนจึงตอบว่าใช่และถามด้วยว่าใช่เครือข่ายเดียวกับลุงนายหน้าที่มาดูหมูที่คอกหรือไม่ แก๊งดังกล่าวก็ตอบว่าใช่
จากนั้นแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวก็ลงมือจับหมูในคอกขึ้นชั่งในลักษณะรีบร้อน โดยตกลงซื้อขายกันที่ราคากิโลกรัมละ53บาท แต่พอชั่งน้ำหนักหมูทั้ง10ตัวแล้วตัวละไม่ถึง100กิโลกรัมทั้งที่ก่อนหน้านี้1เดือนเคยขายไปแล้วน้ำหนักกว่า107กิโลกรัม จึงพยายามจะทักท้วงให้ชั่งใหม่แต่แก๊งดังกล่าวก็ไม่ยอม แล้วจ่ายเงินให้เพียง32,500บาท ก่อนจะรีบขับรถหนีไป
ด้านนางบุญสม อาญาเมือง และนางสร้อย อักษรณรงค์ สองพี่น้องเจ้าของหมูผู้เสียหาย บอกว่า อยากให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตับแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว และอยากให้จ่ายเงินที่โกงน้ำหนักหมูคืนด้วย เพราะต้องลงทุนเลี้ยงหมูมานานกว่า4เดือนแต่กลับขายได้เพียง3หมื่นกว่าบาท ทั้งที่จริงควรจะได้ไม่ต่ำกว่า70,000บาท และมั่นใจว่าลุงนายหน้าที่มาดูหมูคนแรก รู้จักกับแก๊งดังกล่าวอย่างแน่นอนซึ่งหากมีข้อมูลหลักฐานเชื่อมโยงก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกันเพราะถือว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการซ้ำเติมเอาเปรียบชาวบ้าน