เยาวชนวัย 16 ปี เปิดใจนาทีการ์ดรุมซ้อมจมูกหัก-ตาเขียวช้ำ

ความคืบหน้ากรณีที่พ่อของเด็กเยาวชนวัย 15-16 ปี ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว กรณีที่ลูกชายและเพื่อน ถูกการ์ดจากผับดังเมืองขอนแก่น ทำร้ายจนเลือดคั่งในสมองและต้องนอนอยู่ห้องไอซียู อาการเป็นตายเท่ากัน โดยพบมีอาการสมองบวม หายใจเองไม่ได้ ต้องเจาะคอเพื่อให้ออกซิเจน รวมทั้งสภาพร่างกายถูกทำร้ายจนอวัยวะภายในบอบช้ำ ซ้ำยังมีรอยถูกไฟไหม้ที่ขาและมีรอยเชือกรัดข้อมือทั้งสองข้าง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้ยังไม่ฟื้น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้นั้น 

ความคืบหน้าเรื่องนี้ นายเป้ (นามสมมุติ) เยาวชนชายวัย 16 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่าเป็นการ์ดของผับชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น รุมทำร้ายร่างกาย ในขณะที่เขาและเพื่อน รวม 8 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับผับที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุ พร้อมกับพาผู้สื่อข่าวไปดูบริเวณที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกาย จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะที่ขอบใต้ตาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาแล้วหลายวัน แต่ยังคงมีร่องรอยของบาดแผลเขียวช้ำ เส้นเลือดในตาแตก และดั้งจมูกหัก ให้เห็นอย่างชัดเจน ในขณะที่เพื่อนรุ่นน้อง ที่ชื่อปาร์ค (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะที่บริเวณศีรษะ ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดจากอาการเลือดคั่งในสมองไปแล้ว 1 ครั้ง และยังพบว่ามีอาการปอดฉีก รวมทั้งบาดแผลไฟไหม้ที่บริเวณขาขวา จากการถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เทน้ำมันใส่ ก่อนจะจุดไฟเผา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา

นายเป้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างที่นั่งรถพาไปดูที่เกิดเหตุว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ในเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจากบ้านเพื่อน ซึ่งยอมรับว่าได้พกพาอาวุธมีดดาบติดตัวไปด้วยเพื่อป้องกันตัว ซึ่งตนกำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านที่อยู่ใกล้กับค่ายสีหราชเดโชชัย หรือ ค่าย ร.8 ในระหว่างที่กำลังจะขับรถเลี้ยวเข้าซอย ได้มีเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกัน ขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมา และชักชวนตนให้ไปนั่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ศาลาริมทาง ตนเห็นว่าเป็นเพื่อนๆ ในหมู่บ้านเดียวกัน จึงตัดสินใจขับรถตามไป

เมื่อไปถึงศาลาริมทาง ก็พบว่า มีวัยรุ่นในหมู่บ้านนั่งดื่มสุรากันอยู่ ประมาณ 8 – 9 คน หนึ่งในนั้นมีนายปาร์ค ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั่งร่วมวงอยู่ด้วย แต่หลังจากที่ตนไปถึงได้ไม่นาน เพื่อนที่ชื่อบอส ได้มาขอเงินตน จำนวน 10 บาท โดยบอกว่าจะเอาไปกดน้ำมันเบนซินที่ตู้หยอดเหรียญ ซึ่งอยู่ห่างจากศาลาริมทาง ประมาณ 20 เมตร โดยนายบอส ได้ใช้ขวดเหล้าขาวขวดเล็กเป็นภาชนะในการบรรจุน้ำมันเบนซิน แล้วใช้เศษผ้าอุดปากขวดไว้ โดยที่ตนก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการกระทำดังกล่าว

จากนั้นประมาณ 20 นาที กลุ่มวัยรุ่นที่พากันดื่มสุราจนหมดขวดแล้ว ซึ่งตนไม่ได้ดื่มด้วย ก็ได้ชักชวนกันว่าจะไปขับรถเล่นในเมือง ตนเห็นว่ามีรุ่นน้องในหมู่บ้านไปกันหลายคน จึงตัดสินใจไปด้วยเพราะเป็นห่วง โดยไปด้วยกันทั้งหมด 8 คน คือ นายปาร์ค , บิ๊ก , กัน , เต้อ , บิว , บุญ , บอส และตน (เป้) โดยขี่รถจักรยานยนต์ไป ทั้งหมด 4 คัน โดยเป้นั่งไปกับบิ๊ก ปาร์คนั่งไปกับบอส เต้อนั่งไปกับบิว และกันนั่งไปกับบุญ โดยทั้งหมดได้พากันขับไปตามถนนมะลิวัลย์ ผ่านสวนสาธารณะรัชดา ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าเมือง ซึ่งเป็นถนนหน้าผับดังกล่าว

นายเป้ เล่าว่า เมื่อกลุ่มเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันขับรถมาถึงบริเวณสี่แยกถนนหน้าเมืองตัดถนนพิมพสุต ก่อนจะถึงหน้าผับที่เกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร โดยทั้งหมดได้พากันขับเข้ามาทางประตูทางเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ติดกับผับและผ่านหน้าโรงแรมและผับไปในรอบแรก ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นการขับผ่านไปตามปกติ ซึ่งก็ไม่ได้ทำอะไรผิดปกติ แต่หลังจากผ่านไปรอบแรก เพื่อนๆที่ขับนำหน้าตน ได้ขับวนกลับมาทางเดิมอีก แต่ครั้งนี้ได้เพื่อนได้พาหยุดรถอยู่ที่หน้าโรงแรม ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 03.00 น. หลังจากจอดรถได้ไม่ถึง 5 นาที เพื่อนที่มาด้วยกัน คือ นายบุญ นายเต้อ นายบิว และนายกัน ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกไป โดยไม่ได้บอกให้ตนและเพื่อนๆ อีก 2 คน ทราบ จากนั้นไม่ถึง 1 นาที ชายฉกรรจ์ที่แต่งตัวคล้ายการ์ดของผับ ได้เดินเข้ามาประชิดตนซึ่งตอนนั้นนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะคลำไปพบมีดดาบที่ตนพกมาด้วยที่ด้านหลัง เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นมีดจึงตะโกนบอกกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้ช่วยกันจับตัวตนและเพื่อนที่เหลืออีก 2 คนเอาไว้ คือนายปาร์คและนายบอสที่นั่งรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 

ซึ่งตนสังเกตเห็นว่า นายบอสได้นำเอาขวดเหล้าขาวที่ข้างในเป็นน้ำมันเบนซินและปิดปากขวดด้วยเศษผ้า ยัดใส่ในช่องใส่ของหน้ารถของนายปาร์ค ก่อนที่นายบอสจะวิ่งหนีออกไป ส่วนตนเห็นท่าไม่ดีเกรงว่าจะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้าย จึงพยายามจะขับรถออกจากหน้าโรงแรม แต่กลับถูกชายฉกรรจ์ถีบรถล้ม ก่อนที่ชายกลุ่มดังกล่าวจะรุมทำร้ายร่างกาย ทั้งเตะและต่อยเข้าที่บริเวณศีรษะของตนเองและนายปาร์คอย่างรุนแรง จนทำให้ตนดั่งจมูกหัก ตาเขียวช้ำ และจับหมัดมือไพล่หลังให้นอนลงกับพื้นปูน แล้วพยายามถามว่าใครจ้างให้พวกตนมาก่อกวน ซึ่งตนได้ตอบไปว่าไม่มีใครจ้างมา และไม่รู้เรื่อง เพียงแค่มาขับรถเล่นกับเพื่อนเท่านั้น แต่ตนและนายปาร์คก็ยังถูกชายกลุ่มนั้นเตะและต่อย และใช้ขวดน้ำมันหน้ารถคันที่นายปาร์คขับมา ราดใส่ขานายปาร์คแล้วจุดไฟเผา จนกระทั้งนายปาร์คหมดสติ และมีเลือดไหลออกมาทางปากและจมูก ก่อนที่จะควบคุมตนและเพื่อนไว้ที่หน้าผับ

ต่อมา เวลาประมาณ 04.00 หลังเหตุชุลมุนยุติลง พ่อและแม่ของตนได้เดินทางมาที่ผับ ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่า มีเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกับตนมาเที่ยวที่ผับดังกล่าวและเห็นเหตุการณ์ จึงไปบอกให้พ่อกับแม่ของตนมาช่วย เมื่อพ่อกับแม่มาถึงก็พยายามที่จะขอตัวตนคืน ซึ่งทางการ์ดได้บอกว่า ตนมาก่อความวุ่นวาย ตนจึงตะโกนบอกพ่อว่า ถูกใส่ร้าย ทันทีที่ตนตะโกนคำนั้นออกไปก็ถูกการ์ดคนหนึ่งตบเข้าที่บริเวณศีรษะต่อหน้าพ่อและแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า พ่อของตนจึงบอกว่า ถ้าเด็กทำผิดจริงทำไมไม่นำตัวส่งให้ตำรวจ เหตุใดจึงทำร้ายร่างกายเด็กหนักขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ได้นำตนและนายปาร์คไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยนายปาร์คถูกนำร่างที่หมดสติอุ้มไปไว้ที่หน้าเสาธง ด้านหน้า สภ.เมืองขอนแก่น พ่อของตนจึงแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ก่อนที่จะติดต่อไปหาพ่อแม่ของนายปาร์ค เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเวลาเกือบรุ่งเช้า

ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเป้ ยืนยันว่า ตนไม่ได้มาก่อเหตุหรือสร้างความวุ่นวายให้กับผับดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแค่ขับรถเล่นกับเพื่อนๆ เท่านั้น ส่วนอาวุธมีดที่ตนพกมาก็ติดตัวมาตั้งแต่กลับมาจากบ้านเพื่อน ไม่ได้เตรียมมาก่อเหตุที่ผับแต่อย่างใด ส่วนคนอื่นๆ ที่มาด้วยกันทั้งที่ถูกทำร้าย และขับรถหนีไปก่อนจะเกิดเหตุรุมทำร้ายขึ้น จะรับจ้างใครมาหรือมีเรื่องมีราวกับทางผับหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่เท่าที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ทราบว่า เคยมีกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในระแวกบ้านของตน มาก่อความวุ่นวายให้ผับแห่งนี้ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การ์ดของผับเข้าใจว่าตนจะมาก่อเหตุ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับวัยรุ่นกลุ่มนั้น

อย่างไรก็ตาม นายเป้ ระบุว่า เหตุการณ์ที่ตนและนายปาร์คถูกทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือ อาจถูกกลุ่มเพื่อนๆ ที่ขับรถหนีไปก่อนจะเกิดเหตุลวงมาที่นี่ เพื่อให้การ์ดดูตัว ซึ่งนับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ เพื่อที่ไปด้วยกันที่ไม่ถูกทำร้ายร่างกาย ไม่เคยมีใครติดต่อมาสอบถามว่าตนและปาร์คเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้ง หนึ่งในแปดคนที่ไปด้วยกันยังพาชายแปลกหน้าขับรถมาถ่ายภาพที่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง ซึ่งตนก็สงสัยและแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีให้โดยเร็วว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไรกันแน่ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวกลุ่มเพื่อที่ไปด้วยกันทั้งหมด 8 คน มาสอบสวน ซึ่งตนและครอบครัวจะได้สบายใจและไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแก๊งป่วนเมือง