ตำรวจรวบทหารยศ “จ่าสิบเอก” พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. หลังก่อเหตุยิงแก๊งเด็กแว้นดับ 1 สาหัสอีก 1 ขณะนั่นตกปลาอยู่ริมสะพานบางกอกน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.อ.เดชศวัตศดิศชนม์ อุฒมนตรี รอง สว.(สอบสวน) สน.บางกอกน้อย ได้รับแจ้งมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดบริเวณกลางสะพานบางกอกน้อย ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.คมสัน แตงจุ้ย ผกก.สน.บางกอกน้อย พ.ต.ท.เมธี ธรรมวิมล รองผกก.(สอบสวน)สน.บางกอกน้อย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณกลางสะพานข้ามคลองบางกอกน้อยฝั่งมุ่งหน้าท่าพระ บริเวณริมทางเดินสะพานพบร่างนายสิทธินนท์ เขียวสด อายุ 20 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกซ้าย 1 แผล และนายประวุฒิ ปานทอง อายุ 27 ปี ถูกยิงเข้าที่ขาขวา 1 แผล ชาวบ้านใกล้เคียงได้ช่วยกันนำตัวส่ง รพ.ศิริราช ไปก่อนหน้านี้ แต่นายสิทธินนท์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ จำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาเวลา 03.00น. วันที่ 24 ก.ย.2560 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้สืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือจ่าสิบเอกอภิศักดิ์ หรือเติ้ล ศรีคำ อายุ 34 ปี จึงได้ติดตามตัวไปที่บ้านเลขที่ 410/3 ซอยจรัญสนิทวงศ์41 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. จากการตรวจสอบภายในบ้านพบตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม. แบบแม็กกาซีน จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 5 นัด จึงควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
จากการสอบสวนจ่าสิบเอกอภิศักดิ์ ให้การยอมรับว่า เป็นทหารประจำการอยู่ที่ จ.นราธิวาส ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงพัก โดยเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากก่อนเกิดเหตุตนและเพื่อนอีก 3 คน ได้กินเหล้ากันอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นได้เดินออกจากบ้านมาที่สะพานเพื่อมาตกปลา ระหว่างนั้นมี รถจยย. คันหนึ่งเบิ้ลเครื่องผ่านกลุ่มของตน ตนจึงตะโกนด่าและให้ของลับ จากนั้นระหว่างที่ตนตกปลาได้มีกลุ่ม รถ จยย.จำนวน 3 คัน ได้ลงมาใช้ท่อนเหล็กทุบตีตน ตนจึงล้วงเอาอาวุธปืนที่พกไว้ในกระเป๋าสะพายข้างออกมา ก่อนจะยิงออกไป จำนวน 4 นัด เพื่อป้องกันตัว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น” “พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป