หนุ่มเขมรถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 แต่งสาวอุตรดิตถ์

หนุ่มเขมรถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 แต่งสาวอุตรดิตถ์

หนุ่มเขมร อดีตเด็กชายลี้ภัยสงคราม ถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 แห่ขันหมากแ ละสินสอดแต่งสาวอุตรดิตถ์ พร้อมเปิดโครงการเกษตรเพื่อแม่ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9

เมื่อเวลา 09.09 น.วันที่ 9 กันยายน ดร.ดนัย คมคาย หนุ่มใหญ่จากประเทศกัมพูชา วัย 43 ปี พร้อมครอบครัว ญาติพี่น้องและเพื่อนนักธุรกิจจากประเทศกัมพูชา ได้จัดแห่ขบวนขันหมากตามประเพณีไทย พร้อมสินสอดเป็นเช็คเงินสดจากธนาคารประเทศกัมพูชา จำนวน 15,000 ดอลลาร์ หรือ 5 แสนบาท พร้อมทองรูปพรรณ 10 บาท มายังบ้านเลขที่ 100 บ้านห้วยแมง ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เพื่อสู่ขอ และเข้าพิธีมงคลสมรสกับน.ส. ปิยะมาศ สินสี อายุ 30 ปี โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความปีติยินดีของผู้ร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายเจ้าสาว ได้จัดพิธีที่สืบทอดมาแต่โบราณ คือ พิธีบดเส้นผี โดยได้จัดบายศรีสู่ขวัญชุดใหญ่พร้อมเครื่องไหว้ และให้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่นับถือผูกข้อด้วยดายสายสิญจน์ เพื่อให้ผีบ้านผีเรือนทั้ง 2 ฝ่ายเป็นดองกัน จากนั้นนายสุมิตร เกิดกล่ำ รองผู้ว่าฯจ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีรดน้ำสังข์พระราชทาน จากหม่อมเจ้าหญิงมาลินี มงคล ยุคล

ดร.ดนัย กล่าวว่า อดีตตนเป็นเด็กชาวกัมพูชา ที่อพยพหลบหนีภัยสงครามที่เขมรแดงบุกยึดประเทศกัมพูชา เข้ามา ใน อ.คลองใหญ่ จ.ตราดและได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พระราชทานความช่วยเหลือทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ปัจจุบันมีอาชีพที่มั่นคง ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพบรักกับสาวไทย จึงถือฤกษ์ เวลา 09.09 น. วันที่ 9 เดือน 9 จัดงานมงคลสมรสและเป็นความปลาบปลื้มที่สุดของชีวิตคู่ ที่ได้รับน้ำสังข์พระราชทาน จากหม่อมเจ้าหญิงมาลินี มงคล ยุคล

หลังจากนี้ตนและครอบครัว เตรียมจัดโครงการเกษตรเพื่อแม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และตอบแทนบุญคุณประเทศไทยด้วยการส่งเสริมและสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยเริ่มที่ ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ เป็นแห่งแรก ในการปลูกพืชมหัศจรรย์ต้านโรค ถั่วดาวอินคา ทั้งนี้ได้มีการศึกษาข้อมูลมาแล้ว 10 ปี และเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ตนได้ทูลถวายการดำเนินโครงการ เกษตรเพื่อแม่ ต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เชื่อว่าถึงเวลาเหมาะสมที่จะดำเนินโครงการดังกล่าว นำร่อง 1 หมื่นไร่ โดยมีตลาดรับซื้อในรูปแบบของเกษตรอินทรีย์ เป็นสินค้าส่งออก 70 เปอร์เซ็นต์