โวย!นาข้าวถูกยาฆ่าหญ้าจากไร่อ้อยนายทุน ข้าวตายกว่า20ไร่

โวย!นาข้าวถูกยาฆ่าหญ้าจากไร่อ้อยนายทุน ข้าวตายกว่า20ไร่

เกษตรกรร้องศูนย์ดำรงธรรม นาข้าวได้รับผลกระทบนายทุนฉีดพ่นยาฆ่าหญ้า ฝนมาน้ำพาสารเคมีทำให้นาข้าวเกษตรกร 4 รายเสียหายประมาณ 20 ไร่ ร้องศูนย์ดำรงธรรมแล้วยังตกลงไม่ได้ ทหารร่วมตรวจสอบอีกครั้ง

นายสายัน พิมวงศ์ อายุ 41 ปี ชาวต.นากลาง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู พร้อมกับเพื่อนบ้านอีก 3 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร จากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประจำอำเภอนากลาง เข้าตรวจสอบนาข้าวที่ได้รับผลกระทบจากนายทุนมาเช่าพื้นที่ดินในบริเวณใกล้เคียงปลูกอ้อย แล้วฉีดยาฆ่าหญ้า ซึ่งเป็นช่วงที่พายุเข้าฝนตกหนัก ทำให้น้ำพัดพาเอายาฆ่าหญ้าลงสู่พื้นที่ลุ่ม ซึ่งเป็นที่นาของเกษตรกร ได้รับความเสียหาย ต้นข้าวที่ปักดำได้ 1 เดือน ซึ่งกำลังเริ่มแตกกอได้ยืนต้นแห้งตายกว่า 20 ไร่ โดยเป็นพื้นที่นาของนายสายัน พิมวงศ์ 10 ไร่ นายน้อย แก้วโสภา 1 ไร่ นายสายใจ วงศ์หนองแสง 2 ไร่ และนายเจม ทาธิวัน 5 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่บริเวณทางทิศใต้ ของชุมชนบ้านภูเงิน ต.นากลาง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู

เหตุเกิดในช่วงประมาณกลาง เดือน กรกฎาคม 2560 ในพื้นที่นาข้าวของเกษตรกรที่อยู่ในลุ่มได้มีลักษณะลำต้นแห้งเหี่ยวยืนต้นตายและยุบตัวลงเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งเกษตรกรทั้งหมดเชื่อว่า สาเหตุมาจาก การที่ มีนายทุนมาเช่าพื้นที่ดินของชาวบ้านหนองด่าน ปลูกอ้อยและฉีดพ่นยาฆ่าหญ้า โดยในช่วงนั้นได้มีพายุเข้าฝนตกต่อเนื่อง ทำให้น้ำฝนพัดพาเอายาฆ่าหญ้าที่เกษตรกรเชื่อว่ามีการใช้ยาในปริมาณที่สูงมาก ไหลพัดพามากับน้ำเข้าสู่แปลงนาของเกษตรกร ทำให้ต้นข้าวที่อายุประมาณ 1 เดือนได้แห้งตายลงเหมือนกับต้นหญ้าที่ถูกยาฆ่าหญ้า จึงได้ไปแจ้งกับนายทุนที่ทำการเช่าที่ดินและฉีดยาฆ่าหญ้า จนส่งผลทบต่อข้าวในแปลงนาดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันได้

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2560 กลุ่มเกษตรได้เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม อำเภอนากลาง โดยมี นายธีระวุฒิ ธรรมรักษา ปลัดอำเภองานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ให้ทำการเจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกัน แต่นายทุนไม่มา ส่งลูกน้องมาเจรจาแทน โดยทางนายทุน ตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้เพียงไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะค่าเสียหายมากกว่า ทำให้นายทุนได้ให้ดำเนินการตามกฎหมาย จากนั้น เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2560 กลุ่มเกษตรกรผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.อ.นากลาง ต่อ พ.ต.ต.ประยุทธ์ ลายเมฆ สว.(สอบสวน) สภ.นากลาง ให้ดำเนินคดีกับนายทุนดังกล่าว และหากยังไม่มีความคืบหน้าจะเข้าร้องทุกข์ต่อ นายธนากร อึ้งจิตรไพศาล ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู

นายสายัน พิมวงศ์ กล่าวว่า ในปีนี้ได้ลงทุนไปประมาณทั้งค่าไถ ค่าเมล็ดพันธุ์ข้าวประมาณ 30,000 บาท เมื่อปีที่ผ่านมาที่นาของตนเองเฉพาะส่วนที่เสียหายได้ข้าว 90 กระสอบปุ๋ย เป็นเงิน 60,000-70,000 บาท ปีนี้ข้าวน่าจะดีกว่าที่ผ่านมาคาดว่าจะได้มากกว่านี้อีก ความเสียหายมากกว่าของคนอื่นประมาณ 10 กว่าไร่ ได้มีการพยายามเจรจาในค่าเสียหายแล้ว ผ่านทาง ศูนย์ดำรงธรรมและเจ้าหน้าที่ทหาร จากกองกำลังรักษาความสงบภายในอำเภอนากลาง แต่ชดใช้มาเพียง 1,000 บาท จึงคิดว่าอย่างไรก็ไม่คุ้ม ซึ่งหากการดำเนินการไม่เป็นผลก็จะเข้าร้องต่อ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู อีกครั้งหนึ่ง

ทางด้าน นายเจม ทาธิวัน อายุ 39 ปี เกษตรกรผู้เสียหายอีกรายกล่าวว่า ทีนาได้รับความเสียหาย ประมาณ 5 ไร่ ปีที่แล้วได้ข้าว 60 กระสอบปุ๋ย เป็นเงินประมาณ 30,000 บาท แต่ปีนี้เสียหายไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ไม่น่าจะได้เกิน 10,000 บาท ข้าวที่เหลือไม่ตายก็ไม่แตกกอ จึงไม่กล้าลงทุนต่อที่จะซื้อปุ๋ยมาใส่อีก

จากการตรวจสอบบริเวณที่มีการผสมยาฆ่าหญ้า พบว่า ในบริเวณดังกล่าวหญ้าแห้งตายหมดและมีซองยาฆ่าหญ้า ขวดยาฆ่าหญ้า ทิ้งเกลื่อน ไม่มีการเก็บฝังตามหลักของการใช้สารเคมีที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม มีทั้งซองเก่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมาทิ้งเกลื่อนกระจาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวต่อสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก หากเกษตรกรยังมีการใช้สารเคมีและยังไม่มีการเก็บทำลายวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ถูกต้อง จากการสังเกตสภาพพื้นที่นา เหมือนกับว่า กบ เขียด กุ้ง หอย ปู ปลา ตามธรรมชาติจะไม่มีเหมือนท้องทุ่งนาในสมัยก่อน

เนื่องจากเกษตรกรส่วนมากในพื้นที่ ได้มีการใช้สารเคมี ทั้ง ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช ปุ๋ยเคมี ทำให้สภาพแวดล้อม ระบบนิเวศน์เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากที่ในระยะยาวหากยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบเข้ามาดำเนินการดูแลแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง และชาวบ้านยังเล่าให้ฟังว่า ในท้องนาก็ไม่กล้าใส่เบ็ดหาปลา หากบ หรือสัตว์น้ำมาเป็นอาหารเหมือนในอดีต เนื่องจากกลัวสารเคมีที่ตกค้าง