สุวรรณภูมิ แถลงรวบสองคนงานขนถ่ายสัมภาระลักทรัพย์ผู้โดยสาร บุกค้นห้องพัก เจอของกลางจำนวนมาก
ที่โรงพัก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนหน้า ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายกิตติพงษ์ กิตติขจร ผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกัน แถลงการจับกุมสองผู้ต้องหาลักทรัพย์ในกระเป๋าเดินทางผู้โดยสารในระหว่างที่ขนย้ายกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารลงจากเครื่อง ประกอบด้วย นายสิทธิชัย แซ่เตียว อายุ24ปี และนายปิยะพงษ์ จุ้ยสุวรรณ อายุ28ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นพนักงานของบริษัทOutsourceสังกัดBFSทำหน้าที่โหลดและจัดวางกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร ขึ้น-ลง เครื่องบิน ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมของกลางธนบัตรสกุลหยวน ฉบับละ 100 หยวน จำนวน 100 ฉบับ รวมเป็นเงิน 10,000 หยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 49,600 บาท ธนบัตรต่างประเทศ สกุล มนัสเติร์ก จำนวน 56 มนัสเติร์ก นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ Daniel Welington จำนวน1เรือน แว่นตากันแดด ยี่ห้อ Visun จำนวน 1 อัน และแว่นตากันแดด ยี่ห้อ Aviation จำนวน 1 อัน โดยจับกุมได้ภายในพื้นที่ปฏิบัติงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ระหว่างที่นายณัฐพนธ์ ธรรมราช เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สังกัดASMกำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ภายในหลุมจอดเครื่องบิน ได้พบเห็นพฤติกรรมของนายสิทธิชัย และ นาย ปิยะพงษ์ ท่าทางมีพิรุธ โดยขณะทำการโหลดกระเป๋าของผู้โดยสารเข้าไปในช่องเก็บสัมภาระใต้เครื่องบิน ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่MH 783 ขาออกปลายทางประเทศมาเลเซีย บริเวณหลุดจอดG1ได้สังเกตเห็นนายสิทธิชัย มีพฤติกรรมแปลก ในระหว่างที่ยกกระเป๋าเพื่อเลียงขึ้นเครื่องนายสิทธิชัย ได้เอี้ยวตัวบังกระเป็นสัมภาระที่ตนเองถืออยู่และใช้มือล่วงเข้าไปในกระเป๋าใบดังกล่าวก่อนเอาสิ่งของบางอย่างยัดใส่ในเป้ากางเกงด้านหน้า โดยมีนายปิยะพงษ์ เพื่อนร่วมงานเป็นคนคอยดูต้นทางให้ ก่อนรีบเดินออกไปเข้าห้องน้ำ หลังจากที่โหลดกระเป๋าสัมภาระขึ้นใต้ท้องเครื่องหมดแล้วและเครื่องได้ขึ้นบินเดินทางไปยังปลายทาง พนักงานโหลดกระเป๋าทั้งหมดได้กลับเข้ามาที่ห้องพักพนักงาน นายณัฐพนธ์ เจ้าหน้าที่รักษาความภัยที่เห็นพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสอง จึงได้เข้าขอตรวจค้นตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน และได้พบว่า ธนบัตรจำนวนดังกล่าว ซุกซ่อนอยู่บริเวณเป้ากางเกงชั้นใน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางมาร่วมตรวจค้นและรับตัวไปทำการสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้โดยสาร ที่อยู่ในกระเป๋าสัมภาระจริง โดยนายสิทธิชัย จะเป็นคนสังเกตว่ากระเป๋าสัมภาระใบไหนที่เป็นซิปรูดไม่มีกุญแจล๊อกก็จะใช้ลำตัวบังด้านนอกก่อนใช้มือล้วงเข้าไปหยิบทรัพย์สินออกมาและซุกซ่อนไว้ในเป้ากางเกง หรือยัดใส่รองเท้า เพื่อง่ายต่อการนำออก และอีกอย่างหนึ่งเจ้าหน้าที่ รปภ.บริเวณช่องทางออกพื้นที่ควบคุมส่วนใหญ่นั้นจะเป็น รปภ.หญิงซึ่งจะไม่มีการตรวจคำที่เป้ากางเกงแต่อย่างใด โดยมีนายปิยะพงษ์ เป็นคนดูต้นทางให้ระหว่างที่ลงมือก่อเหตุ และส่งสัญญาณให้นายปิยะพง์ นำกระเป๋าใบดังกล่าวขึ้นไปเก็บ และจะเลือกกระเป๋าที่ไม่มีกุญแจล๊อก เปิดซิปได้ง่ายและเป็นเที่ยวบิน ขาออกบิน ซึ่งทั้งสองยังได้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุทำนองเดียวกันมาแล้ว 5 ครั้งก่อนนำเงินและทรัพย์สินที่ได้มาแบ่งกัน และจากการสอบสวนขยายผล และเดินทางไปตรวจค้นภายในห้องพักไม่มีชื่อภายในซอยลาดกระบัง 54 กทม. ซึ่งเป็นห้องที่นาย ปิยะพงษ์ เช่าอยู่ได้พบของกลาง ธนบัตรต่างประเทศ สกุล มนัสเติร์ก จำนวน 56 มนัสเติร์ก นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อ Daniel Welingtonจำนวน 1 เรือน แว่นตากันแดด ยี่ห้อVisunจำนวน1อัน และแว่นตากันแดด ยี่ห้อAviationจำนวน1 อัน
ขณะที่ นายสิทธิชัย หนึ่งในผู้ต้องหา ยังออกมาแฉเส้นทางโจรของพนักงานในบริษัทเดียวกันซึ่งทำกันเป็นขบวนการพร้อมทั้งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูยังสถานที่จริงที่มักถูกลงมือก่อเหตุ นายสิทธิชัย เล่าว่า ตนเองเพิ่งเข้ามาทำงานกับบริษัทแห่งนี้ภายในสนามบินสุวรรณภูมิได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น และได้ลงมือก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้วถึง 5 ครั้ง โดยจดจำพฤติกรรมการก่อเหตุมาจากรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันและถูกไล่ออกหรือลาออกไปก่อนหน้า สำหรับการก่อเหตุนั้นจะไม่เลือกว่าเป็นสายการบินใดเพียงแค่สังเกตว่าไม่มีเซฟตี้หรือ รปภ.ประจำสายการบินมาคอยตรวจสอบหรือดูแลขั้นตอนการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระแต่อย่างใด ก็จะอาศัยจังหวะที่ไม่มีเซฟตี้คอยคุม ลงมือก่อเหตุแอบเปิดกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารที่ไม่มีการล็อกกุญแจหรือรหัสเพื่อนำเอาทรัพย์สิน สิ่งของมีค่า ออกมา โดยจะลงมือก่อเหตุในเบาร์เก็บสัมภาระใต้เครื่องบินหรือที่เรียกง่ายๆว่าใต้ท้องเครื่องบินซึ่งจะให้พนักงานอีกคนที่นั่งขอบประตูเป็นคนดูต้นทางหลังจากได้ทรัพย์สินมาแล้วหากเป็นสิ่งของหรือเงินสดก็จะยัดใส่เป้ากางเกงหรือยัดใส่รองเท้า เพื่อง่ายต่อการนำออก
ด้านนาย กิตติพงศ์ กิตติขจร ผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เบื้องต้นหลังทราบปัญหาจากคำให้การของพนักงานดังกล่าวแล้วนั้น ได้เตรียมนำข้อมูลทั้งหมดเสนอต่อผู้บริหารในที่ประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก เพื่อชื่อเสียงขององค์กรและสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันเตรียมเสนอชื่อเจ้าหน้าที่ รปภ.หนุ่มไฟแรงท่านนี้ที่มีไหวพริบดีในการทำงานและมีความรักในอาชีพไม่มีการปล่อยปะละเลยต่อการกะทำผิดและไม่หวังผลตอบแทนจากการร่วมขบวนการนี้ จึงเตรียมเสนอมอบรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณยกย่องความดีให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยของเอกชนรายนี้ต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ในส่วนของกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ร่วมขบวนการที่ทางผู้ต้องหาได้ชี้เป้าไว้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวทั้งหมดแล้วอยู่ระหว่างเฝ้าดูพฤติกรรม ในส่วนของผู้ต้องทั้งสองคนนี้เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป