เบื้องลึก! แก๊งฆ่าสามเณรโบกปูนอำพรางศพ วัดดังนครศรีฯ
คดีดังสะเทือนขวัญ แฉเงื่อนงำฆ่า "สามเณร" โบกปูนอำพรางศพ วัดดังนครศรีธรรมราช ชี้ผลประโยชน์ "ผัว-เมีย" และพระฉาว
จากกรณีสามเณรปลื้ม (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บวชอยู่ที่วัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ช่วงเดือน มกราคม 2560 ซึ่งหลังจากพบความผิดปกติ ทางญาติของสามเณรปลื้ม จึงร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราชให้ช่วยติดตามหาตัว
การสืบสวนสอบสวนผ่านไปประมาณ 5 เดือน จนกระทั่งทราบเบาะแสจากพยานที่ระบุว่าผู้ต้องสงสัยหลุดคำพูดทำนองว่า สามเณรปลื้มถูกฆาตกรรมทำให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามผู้ต้อง สงสัยมาสอบปากคำ แล้วให้การรับสารภาพว่าร่วมกันฆาตกรรมสามเณรปลื้มภายในกุฏิที่พักก่อนนำศพฝังโบกปูนไว้ภายในวัด
จากคำรับสารภาพและคำซัดทอด ทำให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องขออำนาจศาล พิจารณาออกหมายจับผู้ก่อเหตุโดยออกหมายจับที่ 167/2560 ให้จับน.ส. ปิยฉัตร อรุณสกุล อายุ 40 ปี หมายจับที่ 168/2560 ให้จับ นายเด่นชัย ภูมินิยม อายุ 36 ปี และหมายจับที่ 169/2560 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ให้จับนายสุริยา กุศลสุข อายุ 18 ปี ในข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นถึงแก่ความตาย , ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดปังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ซึ่งหลังจากที่ศาลอนุมัติหมายจับชุดสืบสวนควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน โดย น.ส.ปิยฉัตร ให้การปฏิเสธ ส่วนนายเด่นชัย และนายสุริยา ให้การรับสารภาพ
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนคร ศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เวลา 09.00 น. ของวันนี้จะควบคุมผู้ถูกกล่าวหาไปที่วัดเพื่อชี้จุดที่ทำร้ายร่างกายสามเณรปลื้มเสียชีวิตก่อนที่นำไปฝังโบกปูนอำพรางคดีในวัด
ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม อายุ 17 ปี การตรวจสอบประวัติอาชญากรของคนร้าย พบว่า น.ส.ปิยฉัตร และ นายเด่นชัย ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน เคยถูกดำเนินคดีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2558 เวลา 12.15 น. ในพื้นที่ของ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคดีที่บุคคลทั้งสองคนร่วมกันทำร้ายร่างกายพระสงฆ์รูปหนึ่ง (ขอสงวนชื่อนามสกุล) อายุ 40 ปีได้รับบาดเจ็บเหตุเกิดภายในวัดวังตะวันตก ซึ่งเป็นวัดเดียวกับที่ก่อเหตุกับสามเณรปลื้ม ส่วนนายสุริยา ไม่พบประวัติอาชญากร
สำหรับเรื่องดังกล่าว วานนี้ (1 มิ.ย.) ตำรวจนครศรีธรรมราช เข้าทำการกันพื้นที่บริเวณลานต้นตะเคียนหน้าหอไตรอินทสุวรรณ ภายในวัดวังตะวันตก อำเภอเมือง จ.นครศรีธรรมราช สืบเนื่องจากการสืบสวนการหายตัวไปของสามเณรปลื้ม อายุ 17 ปี ที่ได้หายตัวไปเมื่อ 5 เดือนก่อน กระทั่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนและเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง 2 ราย เป็นฆราวาส 1 รายและเป็นพระ 1 ราย ทราบชื่อเพียงพระเด่น โดยพบว่าหลังจากก่อเหตุแล้วได้มาบวชเป็นพระที่วัดที่เกิดเหตุ
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ยังไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก เนื่องจากยังต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติม แม้ว่าก่อนหน้านี้พระเด่นจะยอมรับสารภาพว่าได้ฆ่าสามเณรปลื้มจริง เมื่อประมาณ 5 เดือนก่อนและได้นำศพของสามเณรปลื้มฝังไว้ที่ลานตะเคียน แล้วได้โบกปูนปูพื้นนำพระพุทธรูปมาตั้งไว้ทำทีเป็นการปรับปรุงพื้นที่
ขณะที่ชุดสืบสวนของกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งคู่มานำชี้ที่เกิดเหตุและคุมตัวไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม โดยพระเด่นได้สารภาพว่าฆ่าสามเณรปลื้มเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาและได้นำมาฝังไว้ที่จุดนำชี้ หลังจากนั้นได้บวชเพื่อล้างผิด
ส่วนสาเหตุนั้นมาจากความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ภายในวัดอย่างหนัก โดยเดิมนั้นพระเด่นเป็นสามีของผู้จัดการผลประโยชน์ภายในวัด ท่ามกลางข้อครหาถึงผลประโยชน์รวมทั้งพฤติการที่ไม่ชอบมาพากลของพระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง โดยเบื้องต้นนั้นพบว่าสามเณรรูปนี้ได้ไปรู้เห็นพฤติการบางอย่าง จึงถูกฆ่าปิดปาก โดยผู้ต้องหาได้ก่อเหตุภายในอาคารเก็บกัณฑ์เทศน์ภายในวัดและนำศพมาฝังก่อนทำทีปรับปรุงพื้นที่ด้วยการเทพื้นคอนกรีตเสียใหม่และวางพระพุทธรูปไว้ไม่ให้มีคนสงสัย
พลตำรวจโทเทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สังการให้ประสานหน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับวัดรวมทั้งสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัด เพื่อเข้าร่วมขุดศพของสามเณรปลื้ม ในวันนี้(1มิ.ย.)และพนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างขอหมายค้นจากศาลเข้าทำการค้นอย่างถูกกฎหมายด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้วัดวังตะวันตก มีเจ้าอาวาส เคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ภายหลังได้ถูกร้องเรียนจนถูกคณะสงฆ์พิจารณาหรือไม่ จึงได้พ้นจากตำแหน่งไปปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช
ขุดศพสามเณร ฝังไว้ที่ลานตะเคียนหน้าหอไตร
พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) และนายตำรวจระดับสูงคุมตัวนายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น นายสุริยา กุศลสุข หรือพระสุริยา ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาสังหารสามเณรปลื้ม อายุ 17 ปี สามเณรวัดวังตะวันตก นำมาทำแผนประทุษกรรมในจุดสังหารภายในหอไตรอินทสุวรรณ ภายในวัด
หลังจากนั้น ได้นำศพมาฝังไว้ที่ลานตะเคียนหน้าหอไตรพร้อมทั้งโบกปูนทับร่างก่อนถมดินและลาดเทปูนทำทีปรับภูมิทัศน์ภายในวัดอีกชั้นจนเจ้าหน้าที่สืบสวนจนพบ นอกจากยังมีผู้ต้องหาอีก 1 รายคือนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล หรือบิว ผู้ที่จัดการผลประโยชน์ในวัดทั้งหมดเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดได้ถูกจับกุมแล้วเช่นกัน
ในการขุดศพเจ้าหน้าที่ ใช้รถแบ๊คโฮขุดร่างของสามเณรพบว่าฝังลึกอยู่ใต้ดินราว 1.5 เมตร โดยชั้นล่างนั้นได้เทปูนห่อร่างพร้อมทั้งใส่เหล็กดัดไว้อย่างแข็งแรง ร่างของสามเณรถูกห่อด้วยจีวรและห่อทับด้วยผ้านวมอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยยังไม่หมดแม้ว่าจะถูกฝังมาแล้วกว่า 5 เดือน
ผบช.ภ.8 ระบุว่าสาเหตุหลักในคดีนี้มาจากผลประโยชน์ภายในวัดเราคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไว้แล้วและอยู่ในระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้







