รวบเครือข่ายไซชะนะ ลูกคนดังอุดรยึดทรัพย์100ล.
ตัดตอนถอนรากเครือข่าย "ไซชะนะ" ลูกคนดังอุดรยึดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่สนธิกำลังจาก สอบสวนกลาง,บก.ปส.,กองปราบปราม, ,ปปง.,ดีเอสไอ.,ดีอีเอ.,ศุลกากร,กองทัพ ภาค 2,กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี,ตชด.24,ตร.ภาค 4,ภ.จว.อุดรธานีเข้าตรวจค้นกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติด“นายสีสุก ดาวเรือง-ไซซะนะ แก้วพิมพา-อุสมาน สะแลแมง”ในพื้นที่ จ.อุดรธานี 14 จุด รวมทั่วประเทศ 31 จุด ตามแผนชัยยะสยบไพรี 60/4
โดยเฉพาะจุดสำคัญใช้กำลัง 60 นาย ปิดล้อมบ้านเลขที่ 92/12-14 ถ.โพนพิสัย เทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวนายรัชพล รัฐสพลพกรณ์ หรือ “กิมเล้ง”อายุ 30 ปี บุตรชายเสี่ยซิ่ง นักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ที่ถูกจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 130/2560 ได้ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี และถูกควบคุมตัวนำเข้าตรวจค้น ยึดทรัพย์สินบางส่วน อาทิ รถเบนท์ลี่ย์ สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ท-8821 กรุงเทพปอร์เช่ 718 Cayman สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ผ-7722 กรุงเทพ, บีเอ็มดับเบิ้ลยู เอ๊กซ์ 1 สีขาว ทะเบียน ณร-59 กรุงเทพ และรถมินิคูเปอร์ สีแดง กธ-199 อุดรธานี ไปเก็บรักษาไว้ที่ กก.ตชด.ที่ 24 อุดรธานี
จากที่นายรัชพล เคยตกเป็นข่าวมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อครั้งเจ้าหน้าที่บุกจับนายไซซะนะ ขณะเดินทางด้วยเครื่องบิน จากสนามบินภูเก็ตมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยนายรัชพล อยู่ในกลุ่มเดียวกัน และถูกกันตัวมาทำการสอบสวน แต่ได้รับการปล่อยตัวออกมา ขณะเดียวกันมีการควบคุมตัว นายเอีย มิ่งไชย หรือเอก อายุ 22 ปี ชาวสะวันเขต สปป.ลาว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 19/2560 วันที่ 25 มกราคม 2560 ที่ถูกจับกุมได้ที่ จ.มุกดาหาร มาสอบสวนที่ กก.ตชด.24
เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.สมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เดินทางด่วนมาสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร่วมกับ พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ.4,พล.ต.กนก ภูม่วง ผบ.มทบ.24,พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.อุดรธานี,นายสมหวัง พ่วงบางโพ รอง ผวจ.อุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้เวลานานมากกว่า 1 ชม. ก่อนร่วมกันมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมกันกับชุดที่ปฏิบัติหน้าที่จังหวัดอื่น ด้วยวีดีโอคอนเฟอเร้นท์
พล.ต.อ.สมเกียรติ กล่าวว่า ยุทธการชัยยะสยบไพรี 60/4 ที่ต้องทำงานเชิงรุกทั้งป้องกัน และปราบปราม สืบเนื่องมาจากยุทธการแรกๆ สามารถจับกุมเครือข่าย ทำให้สามารถขยายผล รวบรวมพยานหลักฐาน ติดตามจับกุมผู้ประกับผิด ครั้งนี้เข้าตรวจค้นพร้อมกัน 31 แห่ง ในพื้นที่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี 5 จุดกรุงเทพ 4 จุด หนองคาย ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และอุดรธานี ในเครือข่ายธุรกิจน้ำมัน-ปศุสัตว์-ที่ดิน-อื่นๆ
“จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 ราย คือ นายรัชพล หรือ กิมเล้ง ในสถานบริการ และนายเอีย หรือเอก ชาวลาว ขณะข้ามแดนมาที่ จ.มุกดาหาร และผู้ต้องหาอีก 3 คนพร้อมของกลาง 3 ราย ตรวจยึดทรัพย์มา 26 รายการ รวมแล้วมากกว่า 100 ล้านบาท เป็นกลุ่มรถยนต์ซูปเปอร์คาร์ 10 คัน อาทิBENTLEYราคาคันละ 17 ล้าน, PORSCHEราคา 7 ล้านบาท,โฉนดที่ดิน 2 แปลง มูลค่า 25 ล้านบาท,เป็นทรัพย์สินอื่นๆอีก 14 รายการ นอกจากนั้นพบสมุดบัญชีเงินฝาก เอกสารธุรกรรมทางการเงิน และการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีการสอบสวนขายผลต่อ”พล.ต.อ.สมเกียรติ กล่าว
ขณะนี้การลำเลียงยาเสพติด จากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านมาทางภาคอีสานน้อยลง หลังจากเราสามารถจับกุมเครือข่ายสำคัญได้ และยังสอบสวนขายผลจับกุมต่อเนื่อง ตัดเส้นทางทางการเงิน ทั้งกลุ่มที่ทำหน้าที่ขนยาเสพติด และกลุ่มทำหน้าที่ฟอกเงิน เอาเงินที่ได้มาเปลี่ยนเป็นทรัพย์สิน ทำให้การลำเลียงกลับไปใช้เส้นทางเดิม คือผ่านมาภาคเหนือ มุ่งหน้าลงไปยังภาคใต้ของประเทศไทย
หลังจากแถลงข่าว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมยาเสพติดอาศัยข้อมูลเดิมมาเชื่อมต่อ ขอศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการ ที่มีการติดต่อกันทางด้านการเงินเป็นหลัก ฉะนั้นเราจะไม่พบยาเสพติดในการดำเนินการครั้งนี้จะทลายเครือข่ายทางเส้นทางการเงินเป็นหลัก โดยทรัพย์สินที่ยึดได้วันนี้ จะเป็นของผู้ที่กระทำความผิดที่มีการถ่ายโอนเส้นทางการเงินเชื่อมต่อกัน นอกจากนี้ทางผู้บัญชาการ ปส.ได้ประสานไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อดำเนินการจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก
“ขยายจับกุมเครือข่ายให้หมด โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงินที่สำคัญที่สุด โดยจะทำทั้งการป้องกันและการปราบปราม การปราบก็คือการจับกุม ที่เราจับกุมยาเสพติดทั้งหลายที่จับได้ 4-5 ล้านเม็ด ยาไอซ์กว่า 100 กก.ส่วนการทำลายเครือข่ายการเงินที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะตัดวงจรทั้งหมด ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจับกุมครั้งนี้มีทั้งเครือข่ายของท้าวสีสุก นายไซชะนะ และนายอุสมาน 3 เครือข่ายหลัก ๆ ส่วนเครือข่ายตามจังหวัดต่าง ๆ เราจะทำอย่างต่อเนื่อง ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ยังเป็นชั้นความลับอยู่ โดยส่วนของอุดรธานี หากพบว่ายังคงมีข้อมูลเพิ่มเติม เราก็ต้องปฏิบัติการเช่นนี้อีก”พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าว
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ช่วงนี้จะสังเกตได้ว่า ยาเสพติดล๊อตใหญ่ ๆ จะไม่เข้ามาทางภาคอีสาน เนื่องจากเราดำเนินการจับกุมอย่างจริงจัง และทำลายเส้นทางการเงิน ทำให้จับกุมทางภาคอีสานได้น้อยลง ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติด กลับไปทางภาคเหนือเป็นหลักเหมือนเดิม และยังมีลงผ่านไปทางภาคใต้ เพื่อนำยาเสพติดออกไปยังต่างประเทศ ที่เราจับได้ 4 ล้านเม็ดก็มาจากทางเหนือ
ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เปิดเผยว่า หลังจับกุมตามปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/1 ที่เปรียบเสมือนเราเจอผึ้งรังหนึ่ง ที่มีนายไซชะนะเป็นนางพญาผึ้ง เราก็มาเจอลูกข่ายก็คือบอยและเบนซ์ ต่อมาก็มีผึ้งโผล่มาอีกรัง ที่ใหญ่กว่ารังผึ้งของไซชะนะ ก็คือท้าวสีสุก ที่ตนเคยบอกไปแล้วว่า ใหญ่กว่าเครือข่ายของไซชะนะ ที่สังเกตจกการยึดทรัพย์ที่เรายึดทรัพย์ได้มากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งธุรกิจเช่นนี้มันจะไปเชื่อมโยงถึงกันเอง ณ จุด ๆ หนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน แต่มันจะโยงใยไปหากันเองด้วยระบบของมัน คือ ต่างชาติเขาเป็นผู้ผลิตยา แต่พวกนี้เป็นดีลเลอร์เอายามาจำหน่าย การแข่งขันย่อมมี แต่ต้องไม่มาแย่งพื้นที่กัน
“สีสุกก็อาจจะกระโดดข้ามไปต่างประเทศ ที่มาเลเซีย ไต้หวัน ส่วนไซชะนะ มาที่ประเทศไทย ที่ภูเก็ต สมุย ส่วนคนอื่น ๆ มีเส้นทางของตัวเอง ซึ่งขบวนการค้ายาเสพติด สิ่งที่น่ากลัวก็คือเงิน ไม่ใช่ยา ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยจับเส้นทางการเงินได้ มีแต่จับเงินได้ เงินมากกว่านั้น แต่จับต้องไม่ได้ วันนี้ตัดตอนและถอนรากถอนโคนการค้ายาเสพติด ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ให้ดูแล้ว ทุกจุดที่เราทำ เราตัดเส้นทางการเงิน"







