“มิโลวาน ราเยวัช” กับภารกิจกู้ศรัทธา "ช้างศึก"

“มิโลวาน ราเยวัช” กับภารกิจกู้ศรัทธา "ช้างศึก"

หลังใช้ระยะเวลาเกือบ 1 เดือนเปิดโอกาสให้ผู้ฝึกสอนจากทั่วโลกที่มีความสามารถและแสดงความต้องการเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้ยื่นประวัติการทำงาน เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมที่สุด

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันพุธที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา สำหรับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกทีมชาติไทยคนใหม่ นั่นคือ “มิโลวาน ราเยวัช” ชาวเซอร์เบียน

“มิโลวาน ราเยวัช” กับภารกิจกู้ศรัทธา \"ช้างศึก\"

       การคัดเลือกกุนซือวัย 63 ปีมาดำรงตำแหน่งนั้น เพราะถือว่าตรงกับสเปคที่สมาคมวางเอาไว้มากที่สุด หลักๆคือต้องเป็นกุนซือที่เคยพาทีมไปเล่นฟุตบอลโลก เพราะนั่นคือหมุดหมายสำคัญของทีมช้างศึก

  

ผลงานและเกียรติประวัติ

       มิโลวาน ราเยวัช เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2497 ที่เมืองคาเจทีนา สมัยที่ยังเป็นประเทศยูโกสลาเวียเดิม โดยราเยวัช จบจาก มหาวิทยาลัยเบลเกรด และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการฟื้นฟูทีมและสร้างนักเตะระดับเยาวชนของเซอร์เบีย ในสมัยที่เป็นนักฟุตบอลเล่นในตำแหน่งกองหลัง เคยค้าแข้งกับสโมสรต่างๆ เช่น โบรัค คาคัค, เรดสตาร์ เบลเกรด, วอยวอดินา, ลุนส์ บีเค, นิวยอร์ค แอร์โรว์ส และ สโลโบดา อูซิเซ

       หลังจากแขวนสตั๊ด ราเยวัช ก็ผันตัวมาเป็นกุนซือ โดยเริ่มคุมทีมระดับสโมสรในเซอร์เบีย จนในที่สุดได้มีโอกาสรับงานคุมทีมชาติครั้งแรกในปี 2008 กับทีมชาติกาน่า โดยสร้างผลงานพาทีม "ดาวดำ" ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จในปี 2010 และผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ก็ไปพลาดท่าแพ้จุดโทษต่ออุรุกวัยอย่างน่าเสียดาย

       ขณะที่ในรายการฟุตบอลระดับทวีปอย่างรายการแอฟริกัน คัพ ปี 2009 และ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ปี 2010 ราเยวัช พา กาน่า เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งสองรายการ

       หลังจากเก็บเกี่ยวความสำเร็จกับทีมชาติกาน่า จึงออกแสวงหาความท้าทายในเอเชียตะวันออกกลาง โดยตัดสินใจย้ายไปคุมทีม อัล อาห์ลี ในปี 2010 ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งกุนซือทีมชาติกาตาร์ ในปี 2011 แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิตงานกุนซือของราเยวัช เพราะผลงานที่ล้มเหลวหลายนัด ทำให้ถูกปลดออกจากตำแหน่งในดือนสิงหาคมปี 2011 ทั้งๆที่คุมกาตาร์ได้เพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น

       หลังจากถูกปลด ราเยวัชถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีม รุดา วาเลนเย ในสโลวีเนีย เมื่อปี 2016 แต่เข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นานก็ตัดสินใจลาออก เพื่อไปรับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติแอลจีเรียแทนในปีเดียวกัน ดัวยความหวังที่จะกู้ชื่อกลับมาอีกครั้งหลังจากล้มเหลวกับกาตาร์ เพราะเชื่อมั่นว่าตนเองมีประสบการณ์ในการคุมทีมทวีปแอฟริกาประสบความสำเร็จมาแล้ว

       แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นดังที่คาดไว้ ราเยวัช ได้คุมแอลจีเรีย เพียงแค่สองนัด ด้วยการชนะเลโซโท 6-0 ในฟุตบอลแอฟริกัน คัพ รอบคัดเลือก และ เสมอกับ แคเมอรูน 1-1 ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ก่อนที่จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยมีข่าวลือว่าบรรดานักเตะแอลจีเรียก่อหวอดไม่พอใจแนวทางการสร้างทีมของเขา

       อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเรื่องราวที่สำเร็จและล้มเหลว แต่ในผลงานส่วนตัว ราเยวัชเองก็มีดีกรีไม่น้อย เคยได้รับตำแหน่ง “โค้ชแห่งทวีปแอฟริกา” และ “โค้ชยอดยอดเยี่ยมสมาคมฟุตบอลเซอร์เบีย” มาแล้ว และยังเคยเป็นวิทยากรให้กับสมาคมฟุตบอลเซอร์เบีย ในระดับ ยูฟ่า โปร ไลเซนส์ ช่วงปี 2011-2015 อีกด้วย

   

เหตุผลที่ถูกเลือก

       วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิคทีมชาติไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่เลือก ราเยวัช มาเป็นกุนซือทัพ “ช้างศึก” คนใหม่นั้น เป็นเพราะเจ้าตัวมีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม และมีทีมงานที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับโค้ชรายอื่น

       “เรามีคนเข้ามาสมัครเยอะมาก แต่เราเลือกมิโลวาน ราเยวัช เพราะเป็นเรื่องของวิสัยทัศน์ และคุ้นเคยกับฟุตบอลเอเชีย และที่สำคัญคือกลุ่มสตาฟฟ์ของเขาเป็นคนที่มีความสามารถและดีกว่าคนอื่นๆที่เข้ามา ผมเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของเขาและสตาฟฟ์ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี และที่ผ่านมาก็ได้เดินทางไปชมเกมฟุตบอลไทย ทั้งที่ยังไม่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งผมเห็นความตั้งใจของเขาตรงนี้”

       “ผู้เล่นที่เล่นให้เขา สามารถยอมตายในสนามให้เขาได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เขามีจิตวิทยา และที่สำคัญคือแนวทางการเล่นของเขาไม่ใช่แค่เอาชนะคู่ต่อสู้อย่างเดียว แต่เขามีแนวทางการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการ”

     

ยินดีต้อนรับสู่ฟุตบอลไทย

       สำหรับการเข้ามาทำหน้าที่กุนซือทีมชาติไทย ราเยวัช นับว่าเป็นกุนซือชาวเซอร์เบียนคนแรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติไทยและถือเป็นเทรนเนอร์ต่างชาติรายที่ 14 ของทีม และจะนำทีมงานสตาฟฟ์โค้ชมาด้วย 3 ราย คือ “โซรัน ยานโควิช” อดีตกองหน้าทีมชาติบัลแกเรีย ซึ่งจะเป็นมือขวา, “ซาซ่า โทดิช” อดีตนายทวารชาวเซอร์เบีย จะเข้ามาเป็น โค้ชผู้รักษาประตู และ “เนบอยซา สตาเมนโควิช” นักกายภาพบำบัด

       โดยราเยวัช จะประเดิมคุมทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการนัดแรก บุกอุ่นเครื่องพบกับ ทีมชาติอุซเบกิสถาน วันที่ 6 มิถุนายน ต่อด้วยเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 8 วันที่ 13 มิถุนายน นี้

 

       ว่ากันว่า “ราเยวัช” ได้รับค่าจ้างอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาท ถือว่าน้อยกว่า “เกียรติศักด์ เสนาเมือง” กุนซือคนก่อนเสียอีก ซึ่งก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทางสมาคมฯตัดสินใจจ้าง

       อย่างไรก็ตามราเยวัช ถือได้ว่าเป็นกุนซือที่มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร แฟนบอลไทยเองก็ตั้งตารอชมผลงานด้วยใจระทึก สุดท้ายนี้คงต้องบอกราเยวัชว่า “ยินดีต้อนรับสู่ฟุตบอลไทย”