ล่าพ่อโหดปาดคอลูกสาววัย13 ล็อคประตูปิดหวังให้ตายคาห้อง

ล่าพ่อโหดปาดคอลูกสาววัย13 ล็อคประตูปิดหวังให้ตายคาห้อง

ตร.เมืองเพชรบุรี เร่งไล่ล่าพ่อโหด ปาดคอลูกสาววัย13แผลเหวอะเกือบขาด ล็อคประตูปิดหวังให้ตายคาห้อง ก่อนขี่จยย.หลบหนี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 เมษายน ร.ต.อ.ชาติ เตชะนันท์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุบุคคลใช้อาวุธมีดปาดคอผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่ห้องเช่าไม่มีชื่อเลขที่ 114 / 5 หมู่ 1 ตำบลต้นมะม่วง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จึงประสานหน่วยกู้ชีพ อบต.ต้นมะม่วง อ. เมืองเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน ให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าชั้นเดียวที่ห้องเช่า ห้องสุดท้าย ฝั่งซ้าย บริเวณหน้าห้องพบร่างของ เด็กหญิง เอ นามสมมุติ อายุ 13 ปี กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ ญาติ และเพื่อนบ้านกำลังให้การช่วยเหลือห้ามเลือด ตรวจสอบพบบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณลำคอด้านซ้ายเป็นแผลฉกรรจ์ กว้างกว่า 5 นิ้ว ลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ และมีรอยคล้ายถูกปาดคอเป็นแผลยาวอีก 1 แผล ที่แก้มขวามีแผลถูกฟันอีก 1 แห่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรีทำการรักษาโดยเร่งด่วน

และตรวจสอบภายในห้องที่เกิดเหตุบริเวณกลางห้องพบ กองเลือดขนาดใหญ่ ร่องรอยการต่อสู้ กระดาษ สมุด พัดลมตั้งพื้น และกระติกน้ำ กระจายเกลื่อน

สอบถามเพื่อนบ้าน ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายสุรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาวเกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบิดาของ ด.ญ.เอ

เบื้องต้นทราบว่า นายสุรินทร์พักอาศัยอยู่ในห้องดังกล่าวกับ นางหนู (นามสมมุติ) ผู้เป็นภรรยา และบุตรสาวสองคน คือ ด.ญ. เอ ผู้บาดเจ็บ และ ด.ญ. บี (นามสมมุติ) อายุ 3 ขวบครึ่ง ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งมีอาการป่วยเป็นโรคออทิสติก ก่อนเกิดเหตุเห็นนายสุรินทร์ อุ้ม ด.ญ. บี เดินออกจากบ้าน และรีบปิดประตู และล็อคปิด จากด้านนอก ก่อนจะพาลูกสาวคนเล็ก ขึ้นรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแมช พ่วงข้าง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับออกไป

จากนั้นไม่นานได้ยินเสียง ด.ญ.เอร้องขอความช่วยเหลือออกมาจากในห้อง เมื่อมองลอดกระจกบานเกร็ด พบเห็น ด.ญ.เอ นอนจมกองเลือด และรับแจ้งว่าถูกทำร้ายร้องขอความช่วยเหลือ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งแม่ของผู้บาดเจ็บ และพังประตูเข้าไปรีบพาส่งไปโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่สอบสวนแล้วยังไม่ทราบสาเหตุการลงมือทำร้าย

เบื้องต้นนางหนู ภรรยานายสุรินทร์ผู้ก่อเหตุให้การว่า นายสุรินทร์เคยมีประวัติเสพยาแต่ได้เลิกไม่ได้เสพมานานแล้ว ทั้งยังไม่ดื่มสุรา ขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี คาดว่าน่าจะหลบหนีกลับบ้านเกิดที่ จ.พัทลุง