ตำรวจจับ 2 พี่น้อง ผู้ต้องหาคดีฆ่ามัดเสาถ่วงแม่น้ำยม

 ตำรวจจับ 2 พี่น้อง ผู้ต้องหาคดีฆ่ามัดเสาถ่วงแม่น้ำยม

ตำรวจจับ 2 พี่น้อง ผู้ต้องหาคดีฆ่ามัดเสาถ่วงแม่น้ำยม เผยชนวนเหตุผู้ตายเข้ามาลวนลาม-ทำร้าย ผู้เป็นแม่ วัย 62 ปี

จากกรณี ที่พบศพชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 40-50 ปี สูงประมาณ 165 ซม.ไม่สวมกางเกง ใส่เสื้อยืดคอกลมสีน้ำตาล ถูกมัดมือและเท้า ไขว้หลังด้วยเชือกไนล่อนสีเขียว ที่บริเวณแขนและขาตั้งแต่ข้อพับ โดยสภาพศพ ถูกยิงและมัดติดกับแท่งเสาปูนคอนกรีตสีเหลี่ยม กว้าง 25 เซนติเมตร ยาว 80 เซนติเมตร ถ่วงทิ้งลงแม่น้ำยม แล้วลอยอืดขึ้นผิวน้ำ ที่บริเวณแม่น้ำยม หมู่ที่ 9 ตำบลสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อผู้ตาย คือ นายอรุณ วารี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 250 หมูที่ 18 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุดปราการ เป็นชายไทย นับถือศาสนาอิสลาม

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามง่าม ตำรวจชุดปราบปราม เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือนายวสันต์ สอนสังข์ อายุ 39 ปี และนายพงค์พีระ สอนสังข์ อายุ 38 ปี สองพี่น้อง ที่ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ที่ร่วมกันฆ่านายอรุณ วารี แล้วนำศพมาทิ้งลงแม่น้ำยม

พ.ต.อ.ชูศักดิ์ แจ่มฟ้า ผกก.สภ.สามง่ามจังหวัดพิจิตร ระบุว่า จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบทราบจากทราบตัวผู้เสียชีวิต ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ใกล้เคียง ซึ่งพบว่าผู้ตายได้ทำการมาเช่าห้องอาศัย บ้านของผู้ต้องหา จึงได้ทำการควบคุมผู้ต้องหามาสอบสวน จนหนึ่งในผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือ และก่อนจะร่วมกัน นำศพมาทิ้งในแม่น้ำยม เนื่องจากมีการทะเลาะกัน ระหว่างผู้ตายและผู้ต้องหา

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ในจุดที่เกิดเหตุ บ้านเลขที่ 9/ หมู่ที่ 9 บ้านยางโทน ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร พบว่าเป็นสถานที่ที่เปิดกิจการห้องเช่ารายเดือน โดยพบว่านายอรุณ วารี ผู้ตายเข้าเช่าอาศัย ในห้องเลขที่ 3 นานกว่า 2 เดือน ซึ่งในวันเกิดเหตุ แม่ของผู้ต้องหา อายุ 62 ปี ระบุว่า ขณะที่ตนเองทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน ผู้ตาย คือ นายอรุณ ได้เดินเข้ามาก่อเหตุลวนลาม เป็นจังหวะที่ ลูกชายคนเล็ก คือนายพงค์พีระ สอนสังข์ เข้ามาเห็น จึงเกิดโมโห จึงหยิบจอบมาตีผู้ตาย จากนั้นได้ให้ผู้ที่เป็นแม่ เข้าไปในบ้าน จากนั้นตนเอง ไม่ทราบว่าลูกก่อเหตุอะไรต่อ จนรุ่งเช้าไม่เห็นผู้ตายในห้องเช่า จนมาทราบข่าวว่าผู้ตายหายตัวไป

 เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบสวน รวมถึงนำรถของผู้ต้องหา ที่ใช้บรรทุกศพมาทิ้งตรวจสอบหาร่องลอย โดยผู้ต้องหารับสารภาพ ทำไป เพราะบันดาลโทสะ ที่ผู้ตายเข้าลวนลามจะทำร้ายผู้เป็นแม่ พร้อมตั้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป