'วัลท์เทอรี บอททาส' หรือแค่คนคั่นเวลา?

'วัลท์เทอรี บอททาส' หรือแค่คนคั่นเวลา?

แม้จะประสบความสำเร็จด้วยตำแหน่งแชมป์โลกใน 3 ปีหลังสุด แต่ในแคมป์ เมอร์เซเดส เอเอ็มจี กลับเต็มไปด้วยปัญหาขัดแย้ง

 ระหว่างสองนักขับ ลูอิส แฮมิลตัน และ นิโค รอสเบิร์ก กระทั่งนำไปสู่การประกาศรีไทร์ชนิดช็อควงการของฝ่ายหลัง เมื่อฤดูกาลล่าสุดจบลง

ทางออกของ นิกี เลาดา และ โตโต โวล์ฟ หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือการทาบทาม วัลท์เทอรี บอททาส จาก วิลเลียมส์ มาแทนที่แชมป์โลกชาวเยอรมนี 

กระนั้น ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเซ็นสัญญากับ บอททาส จะเป็นการ “เกาถูกที่คัน” ของ เมอร์เซเดส หรือเป็นเพียงการคั่นเวลาของ เลาดา และ โวล์ฟ กันแน่?

ฟลายอิง ฟินน์

ที่มาดั้งเดิมของวลี “ฟลายอิง ฟินน์” คือฉายาของ ฮานน์ส โคลห์ไมเนน เจ้าของ 3 เหรียญทอง และ 2 สถิติโลกในโอลิมปิก 1912 ที่กรุงสตอคโฮล์ม ก่อนที่ฉายาดังกล่าวจะถูกสืบทอดสู่นักวิ่งระยะไกลชาวฟินแลนด์คนอื่นๆในเวลาต่อมา

กระทั่งในทศวรรษที่ 60 ฉายานี้ ก็ถูกนำมาใช้บ้างในวงการมอเตอร์สปอร์ต เมื่อ คาสตรอล ผู้ผลิตน้ำมันเครื่องจากสหราชอาณาจักร ตัดสินใจถ่ายทำ และเผยแพร่สารคดี “เดอะฟลายอิง ฟินน์ส” ที่เจาะลึกการขับเคี่ยวกันของสองนักขับร่วมชาติ ทิโม มาคิเนน และ ฮันนู มิคโคลา ในการแข่งขัน 1000 เลคส์ แรลลี ปี 1968 

ในวงการฟอร์มูลาวัน เกเก้ พ่อของ นิโค รอสเบิร์ก คือนักขับชาวฟินแลนด์คนแรกที่ประสบความสำเร็จ จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ด้วยตำแหน่งแชมป์ในปี 1982 และเป็นใบเบิกทางให้แก่นักขับรุ่นต่อมา อาทิ มิกา ฮัคคิเนน แชมป์โลกปี 1998 และ 1999 หรือ คิมี ไรคโคเนนแชมป์โลกปี 2007

ใครคือบอททาส?

บอททาส วัย 27 ปี (เกิด 28 ส.ค. 1989) เริ่มลงแข่งในระดับโก-คาร์ท เมื่ออายุ 6 ขวบ ก่อนขยับมาสู่ระดับ ฟอร์มูลา เรโนลต์ 2.0 ในปี 2007 และประเดิมฤดูกาลแรกด้วยแชมป์ 3 สนาม และจบฤดูกาลในอันดับ 3 ก่อนคว้าแชมป์มาครองในปีถัดมา

กราฟเส้นทางสายมอเตอร์สปอร์ตของ บอททาส พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อขยับขึ้นมาแข่งในระดับ ฟอร์มูลา 3 ยูโรซีรีส์ ในปี 2009 และคว้าแชมป์มาครองในปี 2011 ระหว่างนั้น เจ้าตัวได้รับเลือกให้เป็นนักขับทดสอบของ วิลเลียมส์ ในปี 2010 และเลื่อนมาเป็นนักขับสำรองในปี 2012 และลงขับในฐานะนักแข่งอย่างเต็มตัวในปี 2013

แม้จะยังไม่เคยได้แชมป์ตลอดการแข่ง 77 สนาม แต่ บอททาส เคยขึ้นโพเดียมมาแล้ว 9 ครั้งในระยะเวลา 4 ปี และมีผลงานดีที่สุดคือการจบอันดับ 4 ในตารางคะแนนสะสมปี 2014 ทั้งที่สมรรถนะของ วิลเลียมส์ ถือว่าเป็นรองทีมระดับหัวแถว อย่าง เมอร์เซเดส, เรดบูลล์ หรือ เฟอร์รารี

ตามรอย ‘รอสเบิร์ก’

จะบังเอิญหรือไม่ก็แล้วแต่ ท้ายที่สุด บอททาส ก็เป็นนักขับรายล่าสุดของ วิลเลียมส์ ที่เข้าสู่แคมป์ของ เมอร์เซเดส ตามรอย รอสเบิร์ก "เขาเป็นนักขับชั้นเยี่ยม และก็แสดงให้เราเห็นถึงฝีมือแล้ว” โวล์ฟ ซึ่งเคยร่วมงานกับ บอททาส ที่ วิลเลียมส์ มาก่อน กล่าวถึงสมาชิกคนล่าสุดของ เมอร์เซเดส “ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะก้าวไปอีกขั้น ตอนนี้เราตามหลังทีมอื่นๆอยู่ในการเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลใหม่ เรามีเรื่องที่ต้องทำอีกมากเพื่อช่วยให้เขาปรับตัวได้ แต่ผมรู้จัก วัลท์เทอรี ดี และรู้ว่าเขาจะเต็มที่กับเราแน่นอน”

โวล์ฟ ยังอธิบายว่าก่อนตัดสินใจเลือก บอททาส ได้มีการหารือเรื่องนี้กับ แฮมิลตัน แล้ว “เขาชื่อว่า วัลท์เทอรี คือคนที่ใช่ และจะเข้ากับเขาได้ดี”

ด้าน เลาดา อดีตแชมป์โลก 3 สมัย ในฐานะประธานของเมอร์เซเดส เสริมว่า “เขาจะทำได้ดีไม่แพ้ นิโค และตอนนี้ เราก็สามารถเริ่มฤดูกาลได้อย่างมั่นใจแล้ว”

“ในสามปีหลังสุด เราได้แชมป์ทุกอย่างที่ควรได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเซ็นสัญญากับ บอททาส เพราะเขามีครบทั้งประสบการณ์และความเร็ว ทั้งคู่จะได้รับอนุญาตให้ทำผลงานเต็มที่เหมือนที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่ เมอร์เซเดส ทำมาตลอด และเราจะไม่เปลี่ยนแปลง”

คนคั่นเวลา?

หลังเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่ บอททาส ยืนยันว่าต้องการทำผลงานให้ดีกว่า ไฮค์คิ โควาไลเนน นักขับรุ่นพี่ที่เคยร่วมงานกับ แฮมิลตัน ในทีมแม็คลาเรน และอำลาวงการไปโดยได้แชมป์เพียงแค่สนามเดียว

“ผมจะพยายามให้ดีที่สุด ตอนนี้ผมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จแล้ว กับ ลูอิส ถึงผมจะไม่รู้จักเขาดี แต่เราไม่มีปัญหาอะไรกัน เราจะแข่งกันแบบแฟร์ๆ และผลักดันให้ทีมก้าวไปข้างหน้า”

อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมอร์เซเดส ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาในครั้งนี้ แต่สื่อมวลชนส่วนหนึ่งเชื่อว่าระยะของสัญญามีอายุแค่ปีเดียว พร้อมออปชันในการต่อออกไปตามผลงาน

“เราคงไม่เลือก วัลท์เทอรี ถ้าเขาไม่ดีพอสำหรับทีม แต่ในปีหน้า ทุกอย่างจะเปิดกว้าง ฉะนั้น เราจึงต้องเผื่อทางออกไว้ และเขาก็เข้าใจ” โวล์ฟ กล่าวถึงโอกาสร่วมงานกับ เฟร์นานโด อลอนโซ หรือ เซบาสเตียน เวทเทล อดีตแชมป์โลกอีกสองรายที่ใกล้หมดสัญญากับต้นสังกัดปัจจุบัน

“ผมเชื่อว่าในอนาคตเราก็น่าจะเจอปัญหาคล้ายๆ กรณี นิโค กับ ลูอิส แต่มันก็เป็นเรื่องดีถ้าจะผลักดันให้ทีมแกร่งขึ้น การมาของ วัลท์เทอรี อาจช่วยให้สถานการณ์ไม่ตึงเครียดเท่าที่ผ่านมา ... หรือบางทีมันอาจไม่เป็นอย่างที่ผมคิดก็ได้”