'กอบกาญจน์'จัดกีฬาระดับโลก ดันบรรจุงาน'ฮีโร่'ทีมชาติ

 เผยเป้าหมายหลักของกระทรวงในปีนี้ คือการวางแผนดึงอีเวนท์กีฬาระดับโลก 1-2 รายการมาจัดในเมืองไทยให้ได้ พร้อมเดินหน้าผลักดันบรรจุงานให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ที่สร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงทิศทางกีฬาของไทยในปี พ.ศ.2560 หลักๆ อยู่ที่การเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อไปเข้าร่วมในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ อาทิ กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ฤดูหนาว ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 19-26 ก.พ. ที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ต่อด้วย กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 19-31 ส.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 9 ซึ่งจะจัดในช่วงเดือนก.ย. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย พร้อมกันนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็จะพยายามดึงการแข่งขันกีฬาระดับโลก ประมาณ 1-2 รายการ มาจัดในเมืองไทยให้ได้ เพื่อกระตุ้นโครงการกีฬาเชิงท่องเที่ยว หรือสปอร์ต ทัวริซึม ให้ได้ความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนการพัฒนาบุคลากรทางการกีฬาจะพยายามส่งเสริมคนกีฬา ให้ก้าวไปสู่การเป็นคณะกรรมการบริหารสหพันธ์กีฬาต่างๆ ผู้ตัดสินในแต่ละชนิดกีฬา ให้มากที่สุด ก่อนที่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ค.ศ.2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มขึ้น

     นอกจากนั้น นางกอบกาญจน์ กล่าวถึงแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560-2564) ว่า แผนฯฉบับที่ 6 มีความแตกต่างจากฉบับที่ 5 อย่างมาก ซึ่งแผนพัฒนาการกีฬาฉบับที่ 6 จะเน้นการทำงานแบบเชื่อมโยงกับทุกฝ่ายมากขึ้น โดยมีงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการทำงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการพัฒนาประเทศได้มาก โดยที่จะมีกีฬาเป็นพื้นฐานสำคัญอยู่ในทุกเรื่อง นอกจากนี้ยังจะมีคณะกรรมการกำกับนโยบายการกีฬาแห่งชาติ หรือซูเปอร์บอร์ด ที่จะคอยดูในเรื่องของทิศทาง แนวทาง และสิ่งที่ควรจะเป็นของกีฬาไทย รวมทั้งมีมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ และอุตสาหกรรมกีฬา เกิดขึ้นควบคู่กันไป ทำให้การกำกับดูแลคลอบคลุมรอบด้านมากกว่าเดิม โดยจะพยายามผลักดันให้มีการบรรจุงานให้กับนักกีฬาทีมชาติไทย ที่สร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติในทุกประเภทกีฬา ไม่ว่าจะเป็น มวยสากลสมัครเล่น, ฟุตบอล, เทควันโด รวมถึงยกน้ำหนักที่เพิ่งคว้า 2 เหรียญทอง ในการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ซึ่งจะได้เสนอให้คณะกรรมการกำกับนโยบายกีฬาแห่งชาติได้พิจารณา เพื่อทำเป็นนโยบายต่อไป