เล็งยกระดับอาชีวเกษตร หวังเพิ่มเด็กเข้าเรียนเพิ่มขึ้น50%

ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี(วทษ.)บุรีรัมย์ และเปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฎิบัติการเพื่อพัฒนางานธุรกิจการเกษตรในสถานศึกษา ซึ่งมีวษท. และวิทยาลัยประมง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 47 แห่งทั่วประเทศ ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี. มีความห่วงใยเรื่องการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตร เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรม  วิทยาลัยเกษตรฯของสอศ.จึงต้องมีแนวทางในการยกระดับวิทยาลัยตัวเองให้สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศไทยแลนด์ 4.0 โดยในอนาคตวิทยาลัยเกษตรฯจะต้องเป็นวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม เพื่อก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 ซึ่งตนได้มอบแนวทางให้วิทยาลัยเกษตรฯทุกแห่งกลับไปสร้างทีมงาน เน้นให้ผู้บริหารทำงานเชิงรุกสร้างจุดแข็งในการยกระดับคุณภาพวิทยาลัยให้ได้ เพราะหากเรามีผู้บริหารที่เข้มแข็งก็จะมีเด็กเข้ามาสมัครเรียนเอง ไม่ต้องตั้งรับอยู่กับที่ เช่น วษท.บุรีรัมย์ เขามีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนทางด้านเกษตรที่ทำได้ดี ดังนั้นจึงอยากให้วิทยาลัยอื่นๆนำไปเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการ 

“ผมไม่กังวลว่าจะต้องมีเด็กมาเรียนน้อย ผมกังวลแต่เรื่องบริหารวิทยาลัยมากกว่า เพราะผู้บริหารวิทยาลัยจะต้องมีเป้าหมายเชิงรุก จะต้องเป็นผู้นำ ไม่ใช่ตั้งรับอย่างเดียว จะต้องเข้าไปหาชุมชนด้วย”เลขาธิการ กอศ.กล่าวและว่า ดังนั้น ปีนี้สอศ.มีแผนการรับนักเรียนตั้งไว้ที่ 30% แต่ตนได้มอบนโยบายให้บวกเพิ่มขึ้นเป็น 50% ดังนั้นในปีการศึกษาหน้าจะต้องได้นักเรียนเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า100,000 คน

ด้านนายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร และรัฐบาลก็ให้งบประมาณกับการศึกษามากที่สุดจึงเป็นโจทย์ที่ผู้บริหารทุกคนจะต้องร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้การศึกษาภาคการเกษตรกรรมมีความเข้มแข็ง สำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมแต่ยังคงเป็นเกษตรกรรมรูปแบบเดิม แต่ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมการเกษตรแล้วดังนั้นวทษ ทั่วประเทศจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรและผู้เรียนโดยไม่ทิ้งคุณภาพ สำหรับจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องก้าวไปสู่เกษตกรรม 4.0ให้ได้