บัลลง ดอร์ ครั้งที่ 4 คริสเตียโน โรนัลโด

บัลลง ดอร์ ครั้งที่ 4 คริสเตียโน โรนัลโด

ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากนิตยสาร ฟรองซ์ ฟุตบอล

 หรือ “บัลลง ดอร์ 2016” เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ของ เรอัล มาดริด ได้รับเลือกเป็นสมัยที่ 4

และเมื่อลองย้อนกลับไปพิจารณาผลงานในขวบปีที่ผ่านมา ก็ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะปี 2016 ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับ โรนัลโด อย่างแท้จริง

ไม่ว่าจะผลงานส่วนตัว 48 ประตูจาก 52 นัดในทุกรายการ นำต้นสังกัดคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 3 และเหนืออื่นใด คือการนำโปรตุเกสคว้าแชมป์เมเจอร์มาครอง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในศึก “ยูโร 2016” เมื่อกลางปีที่ผ่านมา 

คะแนนเสียงท่วมท้น

ในปีนี้ ฟรองซ์ ฟุตบอล ตัดสินใจแยกทางกับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เพื่อนำรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ กลับสู่รากเหง้าของตน นั่นคือการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน 173 สำนักทั่วโลก เป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกนักฟุตบอลที่มีผลงานดีที่สุดในรอบปี

โรนัลโด, ลิโอเนล เมสซี ของ บาร์เซโลนา และ อองตวน กรีซมันน์ ของแอตเลติโก มาดริด คือ 3 ตัวเต็งของปีนี้ เมื่อต่างก็มีผลงานน่าประทับใจ ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ร่วมกับนักฟุตบอลชั้นนำคนอื่นๆของโลกอีก 27 ราย

อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานเล็ดรอดออกมาเป็นระยะว่า โรนัลโด จะได้รับรางวัลนี้ไปครอง ถึงขนาดมีการตั้งข้อสังเกตที่ซูเปอร์สตาร์ วัย 31 ปี ย้อมผมเป็นสีทอง เพื่อบอกเป็นนัยล่วงหน้า

กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา นิตยสาร ฟรองซ์ ฟุตบอล ก็ทำการประกาศผลโหวตอย่างเป็นทางการ โดยไม่พลิกโผใดๆ เมื่อ โรนัลโด ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นถึง 745 คะแนน เหนือคู่แข่งตลอดกาลอย่าง เมสซี (316 คะแนน) กว่าเท่าตัว ขณะที่ กรีซมันน์ ซึ่งได้รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ร่วมกับ แอตเลติโก มาดริด และรองแชมป์ ยูโร 2016 ร่วมกับฝรั่งเศส มี 198 คะแนน

ขณะที่นักกีฬาคนอื่นๆ ก็ได้คะแนนลดหลั่นกันไป อาทิ หลุยส์ ซัวเรซ ในอันดับ 4 (91 คะแนน) แกเร็ธ เบล เพื่อนร่วมทีมของ โรนัลโด ในอันดับ 6 (60 คะแนน) รวมถึงสองนักเตะ เลสเตอร์ ซิตี ชุดแชมป์ประวัติศาสตร์ ริยาด มาห์เรซ ในอันดับ 7 (20 คะแนน) และ เจมี วาร์ดี อันดับ 8 (11 คะแนน)

ทั้งหมดที่กล่าวมา ถือเป็นผู้เล่นในกลุ่ม 19 คนที่ได้รับคะแนนเสียง ส่วนอีก 11 รายที่ได้รับการเสนอชื่อนั้นไม่ได้รับการโหวตแม้แต่คะแนนเดียว

หนที่ 4

รางวัล บัลลง ดอร์ 2016 นับเป็นหนที่สี่แล้วสำหรับ โรนัลโด ที่ได้รับเกียรติดังกล่าว เหนือกว่าผู้เล่นระดับตำนาน ทั้ง โยฮัน ครัฟฟ์, มิเชล พลาตินี, อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน หรือ ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์ 

ขณะที่เจ้าตัว ซึ่งอยู่ระหว่างเก็บตัวซ้อมกับต้นสังกัดที่ โยโกฮามา เพื่อเตรียมตัวสำหรับฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ในช่วงกลางสัปดาห์ ก็กล่าวอย่างถ่อมตนว่าไม่เคยคิดว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้สำเร็จ

“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รางวัลนี้ถึงสี่ครั้ง ผมถึงยินดีและภูมิใจมาก ผมอยากใช้โอกาสนี้ขอบคุณเพื่อนร่วมทีมทุกคน ทั้งในทีมชาติโปรตุเกส และ เรอัล มาดริด รวมถึงทุกคนที่คอยสนับสนุนผมให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้”

ย้อนกลับไปในปี 2008 โรนัลโด ได้รับรางวัลนี้เป็นครั้งแรก ด้วยคะแนนโหวต 446 คะแนน จากผลงานนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้นสังกัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาครอง ขณะที่ผลงานส่วนตัว ยังเป็นผู้เล่นในตำแหน่งปีกคนแรกที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ สำหรับตำแหน่งดาวซัลโวลีกยุโรป พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโวแชมเปียนส์ลีกอีกหนึ่งรางวัล

อย่างไรก็ตาม โรนัลโด ก็ต้องคอยโอกาสนานถึง 4 ปี กว่าจะได้สัมผัสรางวัลนี้อีกครั้ง จากผลงานส่วนตัว 69 ประตู ใน 59 นัด กับ เรอัล มาดริด ต้นสังกัดใหม่ จนได้รับเกียรติเหนือ ฟรองค์ ริเบรี ปีกทีมชาติฝรั่งเศสของ บาเยิร์น มิวนิค ในการประกาศรางวัล ฟีฟ่า บัลลง ดอร์ ปี 2013 และรักษารางวัลนี้ไว้ได้สำเร็จในปีถัดมา หลังนำ เรอัล คว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีก และ โกปา เดล เรย์ มาครอง พ่วงด้วยรางวัลดาวซัลโว ลา ลีกา และดาวซัลโวยุโรปร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ 

จนเมื่อ ฟรองซ์ ฟุตบอล แยกทางกับ ฟีฟ่า ในปีนี้ โรนัลโด ก็ได้รับรางวัลอันทรงค่านี้เป็นสมัยที่ 4 ส่งผลให้ปัจจุบัน เจ้าตัวเป็นรองเพียง ลิโอเนล เมสซี ที่ได้รับรางวัลนี้ 5 สมัย (2009-2012 และ 2015) เพียงคนเดียวเท่านั้น

เป้าหมายถัดไป

นอกเหนือจากการไล่ล่ารางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นสมัยที่ 5 เพื่อเทียบสถิติของ เมสซี แล้ว โรนัลโด ยังมีโอกาสลุ้นอีกหนึ่งเกียรติยศ นั่นคือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ที่เจ้าตัวได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน 3 คนสุดท้าย ร่วมกับกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา และ กรีซมันน์ อีกครั้ง โดยรางวัลนี้จะมาจากการโหวตของบุคคลหลายสาขาอาชีพ ทั้งผู้เล่น สื่อมวลชน รวมถึงแฟนบอล ซึ่งจะประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 ม.ค. ปีหน้า

เมื่อถึงเวลานั้น เราคงได้รู้กันว่า 2016 จะเป็นปีทองอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกสหรือไม่