เมื่อ ‘ประสบการณ์ท้องถิ่น’ กำลังเป็นเทรนด์งานวิ่งในปีหน้า

คุยกับ ‘ทีละก้าว’ เมื่องานวิ่งไม่ใช่แค่แจกเสื้อ มอบเหรียญ แต่ ‘ประสบการณ์ท้องถิ่น’ คือมูลค่าที่กำลังจะเป็นเทรนด์ของงานวิ่งในปีหน้า
เมื่อได้สัมผัสกับการวิ่งระดับอัลตร้ามาราธอน ความคิดที่ว่า “ถ้าอยากทำอะไร เราย่อมทำได้” ก็เกิดขึ้นมา ความเชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองคือความรู้สึกที่คนทุกคนควรได้สัมผัส สิ่งนี้นำไปสู่บริษัทจัดงานวิ่งที่ชื่อว่า “ทีละก้าว”
พีรดนย์ สุขสวัสดิ์ Race Director ของ “ทีละก้าว” บริษัทที่เขาก่อตั้งร่วมกับเพื่อน ธนัญชย์ ดำขำ Managing Director ของบริษัท
พีรดนย์ใช้ชีวิตมาจนเต็มที่ ทั้งทำงาน และท่องเที่ยวกินดื่ม จนวันหนึ่งด้วยน้ำหนักตัวที่เกินขนาด และสุขภาพแย่ลง พีรดนย์จึงอยากเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เขาเริ่มวิ่งเพื่อลดน้ำหนัก การใช้ชีวิตก็ดีและมีวินัยมากขึ้น จากการวิ่งไม่กี่กม. พีรดนย์ท้าทายตัวเองมากขึ้น ไปสู่การวิ่งเทรล วิ่งมาราธอน และวิ่งอัลตร้า 100 กม. ความทรมานในสนามกลายเป็นความรู้สึกดีเมื่อเข้าเส้นชัย ความรู้สึกนี้เขาอยากแบ่งปันไปสู่คนอื่นเช่นกัน พีรดนย์กับเพื่อนๆ จึงรวมตัวกันจัดงานวิ่งขึ้นมา โดยผสมผสานความชอบหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน
ประสบการณ์วิ่งที่เกาะช้าง
“สนามแรกของเราคือเกาะช้าง เมื่อต้นปี 2015 กับงาน UTKC - Ultra & Trail Koh Chang ที่เลือกเกาะช้าง เพราะบ้านเกิดผมอยู่ตราด จึงรู้สึกคุ้นเคย แล้วเราก็ชอบวิ่งเทรลและวิ่งอัลตร้า จึงจัดงานแรกเป็นเทรลและอัลตร้า”
งานวิ่งตอนนี้มี 3 ประเภทคือ วิ่งถนน วิ่งเทรล วิ่งอัลตร้า งานวิ่งถนนมีอยู่มากมาย แต่ในปีที่แล้ว งานวิ่งเทรลมีเพียงแบรนด์โกลบอล 2 เจ้าจัดกันอยู่ คือ North Face และ Columbia ทีละก้าวก็ถือว่าเป็นผู้จัดเจ้าต่อมาที่ลงในสนามวิ่งเทรล
“เรามีอิสระในการดีไซน์สิ่งที่เราต้องการได้หมด ทำด้วยความสนุก ไม่มีข้อจำกัด เราคุยกับเพื่อนว่าแย่สุดคือขาดทุนเท่าไหร่ ที่จะไม่ทำต่อ ทุกคนก็อยากทำอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว จึงตกลงทำ ขาดทุนก็ยอมรับ เราจึงใส่ไปให้เต็มที่จนถึงเพดานที่เราทำได้”
เสียงตอบรับจากนักวิ่งที่ไปวิ่ง UTKC ค่อนไปทางบวก แม้เสียงส่วนหนึ่งจะติว่าทางวิ่งไม่ได้เข้าป่ามากเท่าที่ควร แต่ข้อจำกัดนี้มีเบื้องหลังของการจัดงานอยู่
“ด้วยความที่เป็นเขตอนุรักษ์แท้จริง และมีกลุ่มอนุรักษ์ที่ชื่อว่า ‘เกาะช้างเลี้ยวซ้าย’ ซึ่งแข็งแรงมาก ตอนเราเข้าไป เขามีคำถามเยอะมาก เราเป็นคนตราดก็คุยง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าได้ทุกอย่าง ปีแรกเราถูกติเรื่องทางวิ่งครึ่งหนึ่งเป็นถนนพัง เราไม่ได้บอกนักวิ่งว่าเป็นเพราะอะไร แต่เมื่อชุมชนเห็นว่าเราจัดแล้วไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ปีที่ 2 เขาก็ให้เข้าป่าได้มากขึ้น แต่ฟีดแบคโดยรวมจากนักวิ่งก็ถือว่าดี เพราะความเป็นเกาะก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว และอยู่ในโซนที่คนไม่ค่อยรู้จัก ป่าก็เป็นป่าร้อนชื้นสมบูรณ์สไตล์จังเกิลจริงๆ คนที่ชอบก็มี คนที่คิดว่าโหดไปก็มี”
นอกจากความประทับใจที่นักวิ่งได้แล้ว ชุมชนเจ้าของพื้นที่ก็ต้องได้ประโยชน์จากการจัดงานด้วย งานวิ่งนี้จึงส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน กระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย
“เรามีทีมงานหลักของเราไม่เกิน 20 คน ที่เหลือจ้างคนในพื้นที่ ซึ่งเราก็ยินดีที่จะทำแบบนั้น เพราะ Local Experience (ประสบการณ์ท้องถิ่น) คือ เทรนด์ที่กำลังมาในปี 2017 เราชูขึ้นเป็นจุดขาย จ้างแม่บ้านในชุมชนมาทำอาหารในนักวิ่ง ออกแบบเส้นทางวิ่งผ่านหมู่บ้านชาวประมงที่ไม่มีหาด แต่มีวิถีชีวิตให้นักวิ่งได้สัมผัส”
คุณภาพกับปริมาณ
ปีแรกของทีละก้าว เริ่มต้นกับงาน UTKC และ 100 Miles Thailand ซึ่งเป็นงานวิ่งอัลตร้า 100 ไมล์ หรือ 160 กม. จากเชียงรายไปเชียงใหม่ เป็นจังหวะเดียวกับที่การวิ่งอัลตร้ากำลังเริ่มโตในเมืองไทย งานนั้นมีนักวิ่งเข้าร่วมเกือบ 200 คน นักวิ่งที่ไปไกลกว่าวิ่งมาราธอนเริ่มมีมากขึ้น และมองหาสนามที่พิสูจน์ใจตัวเอง ซึ่งการจัดงานวิ่งเป็นระยะทางไกลขนาดนั้นต้องอาศัยการประสานงานและการจัดการที่ดี นี่ก็เป็นอีกงานหนึ่งที่สร้างชื่อให้กับทีละก้าว
จากนั้นมาก็มีแบรนด์ว่าจ้างทีละก้าวจัดอีกหลายงาน พูดถึงงานวิ่งดีๆ หลายคนคิดว่าคืองานวิ่งที่มีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมาก หลายพันถึงหลักหมื่นคน แต่ที่จริงแล้ว ถ้าผู้จัดงานรับมือไม่ได้ งานที่ออกมาอาจเป็นฝันร้ายของนักวิ่ง หรือดูแลนักวิ่งได้ไม่ทั่วถึง ก็จะกลายเป็นฝันร้ายของผู้จัดและแบรนด์ได้เช่นกัน
“จำนวนคนไม่ใช่ตัวบอก บางครั้ง 1,200 คนป๊อบกว่า 2,000 คนอีก เพราะแบรนด์ออกมาในแง่บวก เรื่องต้นทุนก็ไม่ได้หมายความว่าคนเยอะแล้วต้นทุนต่ำลง ขึ้นอยู่กับการบริหารต้นทุนมากกว่า ที่สำคัญคุณค่าของงานวิ่งอยู่ที่การจัดการให้นักวิ่งมีความสุขไล่เลี่ยกันมากกว่า ไม่ใช่คนหนึ่งพีคสุด อีกคนต่ำสุด ทั้งๆ ที่เขาจ่ายเงินเท่ากัน”
แม้ไม่ได้มองที่จำนวนนักวิ่งเป็นหลัก แต่ในปีหน้าที่จะถึงนี้ ก็มีบางงานของทีละก้าวก็มีสเกล 2,000 คน และในอนาคต หากพวกเขาพร้อมก็อาจขยายการจัดในสเกลใหญ่มากขึ้น
ประสบการณ์ท้องถิ่นคือสินค้าพรีเมียม
อีเวนท์ด้านกีฬาคือกลยุทธ์สำคัญในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน ตอนนี้ผู้จัดงานวิ่งหลายบริษัทต่างนำเอาประสบการณ์ท้องถิ่นมาเป็นจุดขายกันแล้ว
“ในปีหน้าหลายองค์กรจะนำสิ่งนี้มาเป็นการตลาด อย่างโมเดลที่เราประทับใจมากซึ่งเกิดขึ้นที่เกาะช้าง ปีที่แล้วมีนักวิ่ง 400-500 คนจากจำนวนที่มาแข่ง 1,400 คน กลับไปเที่ยวที่เกาะช้างอีก แม้ไม่ได้มีงานแข่งวิ่ง ในโซนที่เป็นเส้นทางวิ่ง ซึ่งแต่ก่อนคนที่ไปเกาะช้างยังไม่รู้จัก เราทำให้เขากลับไปเที่ยวในโซนนี้มากขึ้น เป็นโซนที่ไม่มีทะเล เป็นแนวเขา เป็นหมู่บ้านชาวประมง มีเรือให้ไปตกหมึก ไปนอนโฮมสเตย์ที่เคยพัก”
ไม่ใช่แค่งานวิ่ง แต่รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วย นี่เป็นจุดร่วมที่ทำให้แบรนด์ที่ขายประสบการณ์เริ่มเข้ามาสนับสนุนการจัดงานวิ่ง ท้ายที่สุดคนที่ได้ประโยชน์ก็คือนักวิ่ง
“ปีหน้านี้เรามีงานที่ทำร่วมกับบางกอกแอร์เวย์ และเคทีซี สายการบินให้ประสบการณ์การบิน เราให้ประสบการณ์การวิ่ง เคทีซีมาซัพพอร์ตแนะนำเรื่องที่พัก หรือการเช่ารถ เราทำเวิร์คชอปร่วมกับแบรนด์ต่างๆ เพื่อหาแนวทางที่จะสร้างประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงแก่นักวิ่งด้วย เราไปวิ่งในจังหวัดที่เราไม่เคยคิดจะไปในช่วงโลว์ซีซั่น ราคาตั๋วหรือที่พักก็ถูกกว่าปกติ จังหวัดก็ได้เรื่องการท่องเที่ยว เรามีแบรนด์มาช่วยดูแลนักวิ่งด้านนี้แล้ว เราจะได้ไปพัฒนาการดูแลนักวิ่งในด้านอื่นให้เต็มที่”
เมื่อนักวิ่งที่เข้าใจการสร้างผลิตภัณฑ์มาพัฒนางานวิ่ง เขาก็นำความหลงใหลของตัวเองชวนคนมาออกมาวิ่ง 'ทีละก้าว' เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ที่ออกแบบไว้อย่างดี







