สาวโรงงานทิ้งเงินเดือน5หมื่น เลี้ยงกุ้งก้ามแดงได้เดือนละแสน

สาวโรงงานทิ้งเงินเดือน5หมื่น เลี้ยงกุ้งก้ามแดงได้เดือนละแสน

กำลังฮอตเลี้ยงกุ้ง! สาวโรงงานทิ้งเงินเดือนกว่า 50,000 บาท แพคกระเป๋ากลับบ้านเกิด ยึดแนวพระราชดำริ เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ฟันรายได้เดือนละแสน

(21 พ.ย. 59) พบสาวเมืองโคราชพลิกชีวิต จากอดีตพนักงานบริษัทเอกชน เงินเดือนกว่า 50,000 บาท ลาออกจากงานมาเลี้ยงกุ้งก้ามแดงอยู่บ้านเกิดกับแม่ เพียง 1 ปี สร้างรายได้แซงเงินเดือนเดิมอย่างน่าทึ่ง โดยเรื่องราวนี้ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าตัว คือ นางสาวจิรภัทร ชีโพธิ์ หรือเก๋ อายุ 48 ปี ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 8 ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และได้ใช้พื้นที่ข้างบ้านประมาณ 60 ตารางวา ทำเป็นฟาร์มเลี้ยงกุ้งก้ามแดงแบบพอเพียง มีบ่อซีเมนต์ขนาด 2X2 เมตร สำหรับเลี้ยงกุ้งพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ อยู่ 3 บ่อ และมีกะละมังพลาสติกขนาดใหญ่ สำหรับเลี้ยงกุ้งอนุบาลอยู่ประมาณ 20 ใบเท่านั้น

นางสาวจิรภัทร ชีโพธิ์ เล่าให้ฟังว่า ในอดีตตนนั้นเป็นสาวโรงงานผลิตกระดาษ อยู่ชานเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องทำงานหนักมาก แต่ก็มีรายได้สูงด้วยเช่นกัน โดยเงินเดือนล่าสุดของตนคือกว่า 50,000 บาท ถึงอย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นห่วงแม่ คือนางบุญนาค ชีโพธิ์ อายุ 68 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง หลังจากที่พี่สาวได้ย้ายไปเป็นครูอยู่ที่ต่างอำเภอ ตนจึงได้ตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อช่วงปลายปี 2557 แล้วแพคกระเป๋ากลับบ้านมาดูแลแม่ ที่บ้านเกิด ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยช่วงแรกมีเวลาว่างมาก จึงได้ลองศึกษาวิธีเลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือกุ้งเครฟิช หรือกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงนำเข้ามาจากต่างประเทศ และทดลองเพาะเลี้ยงศึกษาที่โครงการหลวงดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ จนกลายเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน โดยศึกษาทั้งจากอินเตอร์เน็ต และหนังสือต่างๆ

กระทั่งเดือนตุลาคม 2558 ก็ได้เริ่มลงทุนครั้งแรก ใช้เงินประมาณ 8,000 บาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ กะละมังผสมปูน ใบละ 400 บาท จำนวน 4 ใบ ซื้อลูกกุ้งตัวขนาด 1 ซ.ม. ตัวละ 25 บาท จำนวน 200 ตัว และซื้อเครื่องปั๊มออกซิเจน จำนวน 1 เครื่อง รวมทั้งอาหารและอุปกรณ์เสริมอีกเล็กๆ น้อยๆ พอทำมาได้ประมาณ 2 เดือน กุ้งตายไปเพียง 20 ตัวเท่านั้น เหลือชีวิตรอดอยู่ทั้งหมด 180 ตัว จึงเก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ หลังจากนั้นเมื่อกุ้งเหล่านี้มีอายุ 4 เดือน ก็เริ่มออกไข่ ทำให้ได้ลูกกุ้งเพิ่มขึ้นนับหมื่นตัว จึงเริ่มประกาศขายลูกกุ้งในเฟชบุ๊ค ขนาดตัว 1 นิ้ว ราคาตัวละ 20 บาท ปรากฏว่ามีคนสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ตนเห็นโอกาสทำเงินในทันที จึงตัดสินใจใช้เงินประมาณ 80,000 บาท ทำฟาร์มกุ้งข้างบ้านอย่างจริงจัง และสามารถคืนทุนได้ภายใน 6 เดือน จนปัจจุบันนี้ ผ่านมาครบ 1 ปีพอดี ฟาร์มกุ้งก้ามแดงของตนสามารถเพาะพันธุ์กุ้งขาย มีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 80,000 - 100,000 บาท และที่น่าแปลกใจคือเพาะพันธุ์ได้เท่าไหร่ ก็ไม่พอกับออร์เดอร์ที่สั่งเข้ามา ซึ่งปัจจุบันส่งออร์เดอร์ให้กับพ่อค้า 3 เจ้าเท่านั้น คือพ่อค้าจาก จ.สระแก้ว จ.สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพมหานคร ส่วนเจ้าอื่นที่ติดต่อมาก็งดรับไว้ก่อน

สำหรับเคล็ดลับการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยใจที่รักด้วย เพราะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีราคาสูง จึงต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์นั้น ถ้าเลี้ยงดีๆ จะให้ผลผลิตคุ้มค่ามาก แม่พันธุ์ 1 ตัว สามารถออกไข่ได้ลูกไม่ต่ำกว่า 800 ตัวต่อครั้ง ซึ่งที่ฟาร์มของตนจะขายเฉพาะลูกกุ้ง ถ้าเป็นลูกกุ้งอายุประมาณ 1 สัปดาห์ จะขายตัวละ 10 บาท อายุ 3 สัปดาห์ มีขนาดลำตัวยาว 1 นิ้ว ขายตัวละ 20 บาท อายุ 45 วัน ขนาดลำตัว 2.5 นิ้ว ขายตัวละ 100 บาท และอายุตั้งแต่ 3 เดือน มีขนาดลำตัว 3 นิ้วขึ้นไป ถ้าเป็นตัวเมีย จะขายได้ราคาสูงถึงตัวละ 300 บาท ส่วนตัวผู้ราคาตัวละ 50 บาท สำหรับวิธีเลี้ยงนั้น ตนก็จะทำบ่อซีเมนต์ขนาดกว้างคูณยาว 2 เมตร แต่ละบ่อใส่กุ้งพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ลงไปจำนวน 110 ตัว แบ่งเป็นตัวผู้ 30 ตัว ตัวเมีย 80 ตัว มีสายให้ออกซิเจน 3 จุด ตัดท่อพีวีซีเป็นท่อนๆ ขนาดยาว 5 นิ้ว เพื่อให้กุ้งเข้าไปหลบซ่อนตัว ใส่ผักบุ้ง และแหนแดง เพื่อบังแดดและเป็นอาหาร ส่วนอาหารก็ให้อาหารกุ้งทั่วไปตามท้องตลาด ข้างๆ บ่อก็ใส่ใบหูกวางแห้งลงไป เพื่อเป็นยารักษาแผลกุ้ง และใส่เศษผ้าลงไปเพื่อให้เป็นที่ลอกคราบของกุ้ง หมั่นถ่ายน้ำออกเดือนละ 1 ครั้ง เมื่อแม่พันธุ์ออกไข่ ก็จับแยกไปลงถังน้ำ เพื่อให้ออกลูก เฉลี่ยแม่พันธุ์ 1 ตัว ให้ลูกได้ประมาณ 700-800 ตัว ต่อ 1 ครั้ง หลังจากลูกกุ้งคลานได้แล้ว ก็แยกลงกะละมังตามขนาด สามารถนำไปขายได้ทันที

จากการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาทำอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามแดงขาย เป็นเวลา 1 ปี ปัจจุบันตนก็ได้ใช้ชีวิตอิสระ อยู่ที่บ้านดูแลไม่ที่อายุมากแล้ว ซึ่งเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก เพราะแต่ละวันก็พาแม่มาดูแลฟาร์มกุ้ง มีเวลาว่างพาแม่ไปเดินห้างสรรพสินค้า ซื้อของกินของใช้ ไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องใช้ชีวิตรีบเร่งอยู่กับงานเหมือนอดีตแล้ว ซึ่งตนถือว่าเป็นบุญที่ได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวง โดยการนำกุ้งก้ามแดง ที่พระองค์ทรงนำมาวิจัยไว้เมื่อในอดีต มาเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว นับว่าพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต่อครอบครัวของตนเองอย่าหาที่สุดมิได้ นางจิรภัทรฯ กล่าว