ฝากขังครั้งแรก เจ้าของ บ.ทัวร์ศูนย์เหรียญ

ฝากขังครั้งแรก “พ่อ-ลูก” ผู้บริหารบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ ขณะที่ศาลไม่ให้ประกัน ชี้พฤติการณ์ร้ายแรงเศรษฐกิจเสียหาย
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 6 ต.ค.59 พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ควบคุมตัวนายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 60 ปี, น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสิ อายุ 35 ปี ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน และ นายวินิจ จันทรมณี อายุ 69 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 -3 คดีทำผิดพ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และร่วมกันฟอกเงิน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 - 17 ต.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก และรอผลตรวจสอบประวัติ และผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและหลักฐานจากกรมสรรพากร
ทั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการให้ประกันผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพล พยานบุคคลส่วนใหญ่เกรงกลัวไม่กล้ามาให้การ หากได้รับการปล่อยตัวเชื่อว่าจะไปข่มขู่พยานและยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น
ขณะที่คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 24 มี.ค. - 31 ส.ค.59 ต่อเนื่องกัน บริษัท ฝูอันทราเวล จำกัด ได้นำนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามา โดยไม่มีค่าบริการ (ทัวร์ศูนย์เหรียญ) จากนั้นบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้ให้ใช้รถบัสรับนักท่องเที่ยวฟรี โดยเป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางให้มัคคุเทศก์และผู้ขับขี่นำรถไปจอด ให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจากร้านในเครือเดียวกับบริษัท โอเอ ฯ เช่น บริษัท บ้านขนมทองทิพย์ จำกัด โดยมี น.ส.สายทิพย์ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งสินค้าภายในร้านมีราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า แสดงฉลากไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการขูดรีดนักท่องเที่ยว ไม่เกิดการแข่งขันเสรีทางการค้า ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
โดยการตรวจสอบการจดทะเบียนบริษัททราบว่า นายธงชัย ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัทโอเอ ฯ และบริษัทในเครือรวมทั้งมีความเกี่ยวข้องเป็นสามีนางนิสา โรจน์รุ่งรังสิ และเป็นบิดา นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี ผู้ต้องหาที่ 3 และเป็นพี่ชาย นายบุญชัย โรจน์รุ่งรังสี ซึ่งมีข้อมูลการโอนเงินระหว่างกันจำนวนมาก เมื่อตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบว่ามีการอำพรางการแบ่งปันผลประโยชน์ โดยบริษัทโอเอฯ แบ่งปันผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์ 30 - 40 % ให้มัคคุเทศก์ 3-5 % พฤติกรรมดังกล่าวเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ลักษณะปกปิดวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญชาวจีน รวมมูลค่าความเสียหาย 98 ล้านบาทเศษ
โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเป็นอั้งยี่,ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับค่าบริการ,ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว,ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวหาประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมจากนักท่องเที่ยว,ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้อนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก,พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 มาตรา 12 (3),15,24,31,80,82,84และ การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-2 ยังเป็นความผิดฐาน ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,7,9
เหตุเกิดที่กรุงเทพฯ และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เกี่ยวพันกัน ผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง
ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว นายธงชัย เป็นสลากออมสินมูลค่า 10 ล้านบาท น.ส.สายทิพย์ เป็นสลากออมสินมูลค่า 15 ล้านบาท และนายวินิจ เป็นเงินสดจำนวน 300,000บาท
โดยศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเป็นเรื่องร้ายแรง ความเสียหายจำนวนมาก กระทบต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ ทั้งพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน คดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และหลบหนีจึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัว นายธงชัย และนายวินิจไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วน น.ส.สายทิพย์นำไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้นำตัวนางนิสา และนายวสุรัตน์ โรจน์รังสี ผู้บริหารบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต ฯ ซึ่งเป็นภรรยา และบุตรชายของนายธงชัย มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาล และไม่ได้รับการประกันตัวเช่นกัน







