ผู้ประกอบการร้านนวด แนะ 'สสจ.-ตำรวจ' ให้มีการผ่อนผัน
ผู้ประกอบการร้านนวดแผนไทย และนวดเพื่อสุขภาพเชียงใหม่ แนะภาครัฐควรเข้าไปจัดระเบียบและคุมเข้มธุรกิจสีเทาดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2559 ที่ผ่านมา จึงได้มีการสอบถามไปยังผู้ประกอบการร้านนวดส่วนหนึ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกิดมีปัญหาด้านผลกระทบช่วงระหว่างการประกาศใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องเจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้ามาเกี่ยวโยงผลประโยชน์ส่วยร้านนวด
โดยเจ้าของร้านนวดแผนไทยรายหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนการประกาศใช้กฎหมายตัวใหม่ยอมรับว่าพบปัญหามากเรื่องของเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน และทางร้านไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ยื่นเรื่องทำใบอนุญาตประกอบการด้านบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข(สบส.) พบว่า ปัญหาส่วนหนึ่งคือความล่าช้าด้านการดำเนินงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) เพราะได้ยื่นเรื่องร้องขอเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2559 แต่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2559 และเพิ่งได้ใบประกอบการเมื่อช่วงวันที่ 20 ก.ย.2559 ระยะเวลาการดำเนินการเกือบเดือน
ล่าสุด ทางร้านได้รับใบอนุญาตประกอบการจาก สบส. เรียบร้อยแล้ว และทราบว่า ร้านพันธมิตรอีก 10 แห่งได้ใบอนุญาตแล้วเช่นกัน เพียงแต่ในภาพรวม จ.เชียงใหม่ มีร้านนวดแผนไทยและร้านนวดเพื่อสุขภาพมากกว่า 155 ร้าน และอีกมากมายคงอยู่ในระหว่างการดำเนินงานเพื่อขอใบอนุญาตหรือรอรับใบอนุญาต ซึ่งไม่ทราบว่าจะได้เมื่อไหร่
ขณะที่ปัญหาล่าสุดเกิดจากความไม่คลุมเครือด้านการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ สสจ. เพราะเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2559 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมของโรงแรมดวงตะวัน เชียงใหม่ ทางสำนักงานสนับสนุนบริการสุขภาพ เขต 1 เชียงใหม่ ได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มาซักถามและชี้แจงเรื่องของกฎระเบียบ แต่เมื่อทางผู้ประกอบการร้านนวดถามว่า "หากอยู่ในระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตจะสามารถเปิดร้านได้หรือไม่ ทางสจจ. ได้ชี้แจงว่า เปิดได้แน่นอน"
แต่เมื่อพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า ไม่ได้ เนื่องจากฎหมายระบุไว้ว่าต้องใบอนุญาตจึงจะสามารถเปิดร้านได้ ทำให้เกิดความคลุมเครือด้านข้อมูลและสร้างความสับสนให้กับผู้ประกอบการร้านนวดในจังหวัดเชียงใหม่ว่า สรุปแล้วสามารถเปิดร้านได้หรือไม่ในระหว่างการขอใบอนุญาต
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2559 ที่ผ่านมาทาง สสจ.เชียงใหม่ได้มีการเรียกผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปพูดคุยที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งราว 20 รายเข้าไป เพื่อทำความเข้าใจและได้รับคำตอบชุดใหม่ว่า ร้านนวดแผนไทยหรือร้านนวดเพื่อสุขภาพไม่สามารถเปิดร้านได้จนกว่าจะมีใบอนุญาต สบส. โดยร้านที่สามารถเปิดได้ในช่วงการผ่อนผันกฎหมาย 180 วันยาวไปถึงต้นปี 2560 นั้น ทำได้เฉพาะธุรกิจสปาเท่านั้น เนื่องจากธุรกิจสปา ภาครัฐกำหนดชัดเจนว่า ต้องจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 จึงเป็นส่วนเดียวที่สามารถผ่อนผันได้ ขณะที่ในส่วนของส่วนของร้านนวดต่างๆ ใช้กฎหมายท้องถิ่นซึ่งขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย และได้ยกเลิกใช้ทันทีภายหลังประกาศ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559
ขณะที่เจ้าของร้านนวดแผนไทยอีกรายหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ล่าสุดทางกลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดใน จ.เชียงใหม่ได้มีการรวมตัวอย่างลับๆ โดยมีมากกว่า 70 ร้าน อยู่ในระหว่างการหาแกนนำ ประธานกลุ่ม รองประธานกลุ่ม ส่วนใหญ่ประสบปัญหาการรอรับใบอนุญาต สบส. มีผลกระทบตามมา อาทิ เรื่องรายได้เข้าร้าน รายได้ค่าเช่าร้าน ลูกจ้างหนีหายเนื่องจากไม่มีเงินจ่าย ประกอบกับใกล้เข้าช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ยิ่งช่วงเดือนพฤศจิกายนถือเป็นช่วงกอบโกยรายได้ของร้านนวด จ.ดเชียงใหม่ โดยจะมีการรวมกลุ่มเพื่อขอเข้าพูดคุยกับทางตำรวจและสสจ. ว่าสามารถผ่อนผันเหมือนธุรกิจสปาได้ไหม
ช่วงนี้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเงียบ และจะเฝ้าดูช่วงวันที่ 1 ต.ค.2559 เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่า กระบวนการเก็บส่วยจะเข้ามาอีก เพราะในเมื่อ สสจ.บอกว่า ร้านนวดแผนไทยและร้านนวดเพื่อสุขภาพต้องได้รับใบอนุญาตเท่านั้นถึงจะเปิดได้ ยิ่งเป็นช่องโหว่การเข้ามาหาผลประโยชน์ ประกอบกับช่วงนี้พบว่า มากกว่า 10 ร้านทยอยปิดเพราะกลัวต่อกฎหมาย และไม่มีเงินจ่ายค่าจิปาถะต่างๆ ขณะที่ส่วนใหญ่ยังคงยืนหยัดเปิดต่อไปเพื่อสร้างรายได้ แม้จะยอมจ่ายส่วยระหว่างรอใบอนุญาต สบส.
"ส่วนมุมมองที่ว่ากฎหมายดังกล่าวดีหรือไม่ มองว่าดี ดูเป็นระบบและระเบียบมากขึ้น เพียงแต่อยากให้มีผ่อนผันมากกว่านี้ ให้ทางผู้ประกอบการได้เตรียมตัวนานกว่านี้ เพราะหลายร้านเป็นธุรกิจสีขาวไม่มีอะไรแอบแฝง สุจริต และควรให้ความสนใจกับธุรกิจสีเทาเสียมากกว่า" แหล่งข่าวกล่าว







