ชาวอ.ราชสาส์นอ่วมหนัก หลังพายุถล่ม เสาไฟฟ้าล้มดับทั้งอำเภอ

ชาว อ.ราชสาส์น อ่วมหนัก หลังลมพายุถล่มจนหลังคาปลิวหายไปกว่า 2 หมู่บ้าน ต้นไม้ใหญ่-เสาไฟฟ้าล้มดับระเนระนาด ไฟฟ้าดับทั้งอำเภอ
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียของบ้านเรือนชาวบ้าน หลังจากเกิดลมพายุฝนพัดกระหน่ำถล่มใส่เขตพื้นที่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงเวลา 18.00- 22.00 น. ในช่วงค่ำคืนวันที่ 24 ก.ค.59 ที่ผ่านมา จนทำให้มีบ้านเรือน เสาไฟฟ้า และต้นไม้ใหญ่ ล้มขวางเส้นทางการสัญจรเป็นจำนวนมาก ประชาชนกว่า 300 หลังคาเรือนต้องตกอยู่ในความมืดมิดมาตลอดทั้งคืน
โดยนางชลอ ดารา อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.4 ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา เล่าถึงเหตุการณ์นาทีระทึกในขณะที่เกิดลมพายุฝนพัดพังถล่มใส่ตัวบ้านเรือนพักอาศัย เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ตนเกิดมายังไม่เคยประสบเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เกิดลมพายุพัดเข้าหมู่บ้านอย่างรุนแรง จนทำให้หลังคาบ้านปลิวหายไป และมีน้ำฝนตกลงมาจนท่วมนองพื้นบ้านทำให้ทรัพย์สินภายในบ้านเสียหาย เช่น ตู้ไม้ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
โดยลมพายุที่พัดเข้ามาในครั้งนี้นั้น ได้พัดเข้ามาจากทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งเป็นทิศใต้ ก่อนที่จะหมุนตัวหอบเอาหลังคาบ้านซึ่งเป็นสังกะสีปลิวหลุดลอยหายไป นอกจากนี้ยังทำให้มารดา คือ นางทวี นพสมบูรณ์ อายุ 84 ปี ต้องตกออยู่ในอาการหวาดผวาเพราะหวาดกลัวต่อแรงลมพายุที่พัดเข้ามาอย่างรุนแรงจนตัวสั่นอยู่ตลอดเวลาและช็อคแน่นิ่งไปนานถึงกว่า 1 ชม.
“หลังเกิดเหตุ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยไหนเข้ามาดูแลหรือให้การช่วยเหลือประชาชน โดยมีเพียงนักการเมืองท้องถิ่นในหมู่บ้าน (ส.อบต.) เท่านั้น ที่เข้ามาดู ทั้งที่ชาวบ้านที่ประสบเหตุการณ์วาตภัยในครั้งนี้ กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะลำพังเงินที่จะกินใช้ ก็ยังแทบจะไม่มีจะกินกันอยู่แล้ว ยังต้องมาประสบภัยจากลมพายุพัดบ้านพังซ้ำเติมกันเข้าไปอีก และหากยังไม่รีบเร่งซ่อมแซมหลังคาบ้าน ก็เกรงว่าจะมีฝนตกลงมาซ้ำเติมจนไม่มีที่จะอยู่อาศัยหลับนอนกันอีก ซึ่งตนนั้นเป็นห่วงแต่คนแก่ชรา ที่อยู่ภายในบ้านเท่านั้นที่จะลำบากมาก” นางชลอ กล่าว
ขณะที่ นางเฉลียว ใหม่โสภา อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.7 ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น กล่าวว่า ขณะลมพายุพัดเข้ามารู้สึกตกใจมากจนตัวสั่น โดยลมได้พัดกระหน่ำเข้ามาเป็นลูกๆ จนต้องพากันแอบมาหลบกันอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน เนื่องจากลมได้หอบเอาหลังคากระเบื้องปลิวลอยหายไป อีกทั้งแรงลมยังกระชากดึกหลังคากระเบื้องส่วนที่เหลือจนแตกออกเป็นเศษปลิวลอยตกลงมายังด้านล่างอยู่ตลอดเวลา จึงเกรงว่าเศษกระเบื้องที่ตกลงมานั้นจะเป็นอันตรายหากตกใส่ตัวคน
“ครั้งแรกก็คิดว่า ลมจะยกเอาตัวบ้านออกไปจนหมดทั้งหลังแล้ว ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุ 70 กว่าปีแล้ว ก็ยังไม่เคยพบเคยเห็นลมพายุที่จะพัดรุนแรงมากถึงขนาดนี้มาก่อน โดยมีทั้งลูกเห็บตกใส่บ้าน และยังมีลมพัดที่รุนแรง และยังพัดหอบเอาน้ำฝนสาดเข้ามาจนไม่มีที่จะอยู่อาศัยจนทำให้ทั้งคนทั้งข้าวของเปียกได้รับความเสียหายหมด” นางเฉลียว กล่าว
ด้านนายวันชัย ใหม่โสภา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.7 ต.เมืองใหม่ กล่าวว่า ลมพายุได้เริ่มพัดอย่างรุนแรงตั้งแต่เมื่อช่วงเวลา 18.00 น. ของเมื่อคืนวานนี้ จากนั้นจึงมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก และยังมีสายฟ้าแลบร้องรุนแรงเป็นเวลานานอีกกว่า 1 ชม. ก่อนที่จะตกพรำต่อเนื่องจนเกือบตลอดทั้งคืน จนชาวบ้านที่บ้านเรือนพังได้รับความเสียหายจากลมพายุพัดเอาหลังคาบ้านไปนั้น แทบจะไม่ได้หลับนอนกันเพราะตัวเปียกหมด ประกอบกับข้าวของที่หลับ ที่นอนนั้นก็ยังเปียกชุ่มจนอยู่กันไม่ได้
“อีกทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่จำนวนนับร้อยต้น ล้มกีดขวางเส้นทางไปตลอดแนวของถนนฤทธิ์ประศาสน์ (ถนนสายหลวงฤทธิ์) 3378 เส้นทางบางคล้า-พนมสารคาม จนรถติดหนักไม่สามารถสัญจรผ่านออกไปไหนได้ นอกจากนี้ยังมีเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่หักโค่นล้มลงมาจำนวน 6 ต้น จนทำให้กระแสไฟฟ้าดับไปทั่วทั้งแถบในอำเภอราชสาส์น จนกระทั่งถึงช่วงเวลา 09.00 น. ของวันนี้ ทาง กฟภ.พนมสารคาม จึงได้เข้ามาตัดวงจรไฟฟ้าช่วงที่เสาไฟหักโค่นออก และไปเชื่อมต่อไฟฟ้าจากฝั่งด้านของทาง อ.บางคล้า มาให้ชาวบ้านในแถบนี้ได้ใช้ไฟฟ้าได้แบบชั่วคราวไปก่อน จนกว่าจะทำการปักเสาไฟที่หักโค่นใหม่แล้วเสร็จ ” นายวันชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ลมพายุพัดเข้ามาถล่มหมู่บ้าน ยังไม่มีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลช่วยเหลือชาวบ้าน โดยมีเพียงกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และ อบต.เท่านั้น ที่เข้ามาดูแล และถ่ายภาพบ้านของชาวบ้านที่พังเสียหายไป แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ได้มีการใช้การช่วยเหลืออะไรไปมากกว่านี้




