ปปท.ลงพื้นที่ 'นางฟ้าคาราโอเกะ' ปมตร.ยัดข้อหาค้าประเวณี

ปปท.ลงพื้นที่ 'นางฟ้าคาราโอเกะ' ปมตร.ยัดข้อหาค้าประเวณี

ป.ป.ท. ลงพื้นที่หาหลักฐานเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง "ร้านนางฟ้าคาราโอเกะ" สางปมชุดสืบฯ "สารวัตรกาโต้" ยัดข้อหาค้ามนุษย์-ค้าประเวณี

จากกรณี พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1.บก.สส.ภาค 2 เข้าล่อซื้อการค้าประเวณีภายในร้านนางฟ้าคาราโอเกะในเมืองพัทยา แต่กลับถูกน.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 36 ปี เจ้าร้านคาราโอเกะ “นางฟ้าคาราโอเกะ” แจ้งความดำเนินในคดียัดข้อหาค้ามนุษย์-ค้าประเวณีและไม่มีใบอนุญาต กระทั่ง ผบ.ตร. มีคำสั่งย้าย 6 นายตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 2

วันนี้ เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี คณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขตพื้นที่ 2 เดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อแสวงหาหลักฐานดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริต โดยมี พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เข้าให้ข้อมูลสำนวนคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้

พล.ต.อ.จรัมพร บอกว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เนื่องจาก ป.ป.ท. มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบไต่สวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษ ลงมา หรือ ทหาร/ ตำรวจยศตั้งแต่ พ.ท./พ.ต.ท. ลงมาที่เข้าข่ายกระทำผิดสามารถตรวจสอบได้ กรณีนี้ หากสำนวนการไต่สวนมีมูลทางอาญา ป.ป.ท. จะนำความเห็นทางคดีเสนอต่ออัยการว่าเป็นไปตามที่แจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งได้แก่ข้อหาปฏิบัติหน้าที่ประพฤติโดยมิชอบ กักขังหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์

ภายหลังประชุมเสร็จ พล.ต.อ.จรัมพร ยังได้ลงพื้นที่สังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบบริเวณร้านนางฟ้าคาราโอเกะ โดยตรวจสอบดูเส้นทางกพฤติการณ์ของตำรวจในการใช้เส้นทางเข้ามาภายในร้านและจุดจอดรถของตำรวจทั้ง 6 นาย เพื่อแสวงหาหลักฐานดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริง หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ท.

ทั้งนี้ ป.ป.ท.จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทำการไต่สวน สำหรับรายละเอียดสำนวนการสอบสวนจะนำไปพิจารณาอีกครั้งโดยพนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ท. ภายใน 30 วัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบ

ทางด้านหลักฐานการสอบสวนของตำรวจถือเป็นหลักฐานส่วนหนึ่งในการประกอบการไต่สวน ซึ่งหลังจากที่ส่งสำนวนให้ ป.ป.ท.แล้ว การแสวงหาหลักฐานพยานบุคคล ผู้ที่ถูกกล่าวหา จะนำมาพิจารณาชี้มูลการกระทำผิดทางอาญา หากมีการชี้มูลความผิดทางอาญา ป.ป.ท.จะส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องศาล และหากเป็นความทางวินัยร้ายแรงจะส่งเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดลงโทษตามกฎหมายของตำรวจ

" จะต้องเอาไปเป็นข้อเท็จจริงเพื่อรวมสำนวนการไต่สวน ลักษระการไต่สวนปปท จะรับฟังพยานหลักฐานทุกฝ่าย เป็นเรื่องการให้ความเป็นธรรม วะนนี้มาดูสภาพแวดล้อม ลักษณะการถูกกล่าวหามีการสอดคล้องกับข้อเท็จจรองหรือไม่ เพื่อเอาไปประกอบการไต่สวน ทาง ปปท จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นสำนวนของทางตำรวจก็จะถูกส่งไปยังมีเวลารวบรวมหลักฐาน ผู้กำกับรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมก่อนส่งสำนวนไปยัง ปปท ด้วยความรอบคอบ " พล.ต.อ.จรัมพร กล่าว