'ทักษิณ'ผจก.iShow ลั่นไม่มีโป๊-ไม่พักงานวีเจฉาว มีสาว1,000คน
ตั้งโต๊ะแจง! "ทักษิณ" ผจก.iShow ลั่นไม่โป๊เปลือย ย้ำยังไม่พักงาน "วีเจโฟร์" เผยมีสาววีเจนับ1,000คน ยันไม่เคยหลอกลวง
ที่สำนักงานบริษัท ไอ โชว์ เอ็นเตอร์เทนเม็นท์ จำกัด เลขที่ 446/73 ชั้น2 ห้องเลขที่ 2เอ อาคารปาร์คอเวนิว2 ถ.สุขุมวิท71 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. เมื่อเวลา 11.15น. วันที่ 22 ก.ค. นายทักษิณ จันทรารักษ์ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและกฎหมาย พร้อมด้วย ดีเจโฟร์, นายสุรศักดิ์ มุสิชาติ โปรเจคเมเนเจอร์, น.ส.อัญชลี คำดี โซเชียล มีเดีย ดิพาร์ทเมนต์ และนายวชิระ อู่อรุณ โปรดักส์ เมเนเจอร์ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงการทำงานของแอพพลิเคชันไอ โชว์ (iShow) และความสัมพันธ์ระหว่างวีเจโฟร์ กับนายระพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ หรือแน๊ท ที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
นายทักษิณ กล่าวว่า ในส่วนกรณีบริษัท ไอ โชว์ เอ็นเตอร์เทนเม็นท์ จำกัด เรามีนโยบายในการทำงานคือเป็นเหมือนพื้นที่ที่ให้คนมีความสามารถเข้ามาแสดงออกกัน เรามีทั้งสายวีเจทอล์ค ไว้พูดคุย วีเจสายแดนซ์ วีเจสายร้องเพลง วีเจสายเล่าเรื่อง วีเจสายเซ็กซี่ และอีกหลายแบบแต่ไม่มีการแสดงออกในการลักษณะโป๊ เปลือย อย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่นางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 53 ปี แม่ค้าขายของชำพร้อมด้วยนายระพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 28 ปี ลูกชายและแฟนของวีเจโฟร์ เข้าร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ตรวจสอบแอฟพลิเคชัน ไอ โชว์ (iShow) เพราะเกรงว่าจะเป็นแอฟฯที่ใช้หลอกให้โอนเงินในนั้น ทางบริษัทยินดีให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายหากเจ้าหน้าที่ตำรวจขอติดต่อมา หรือหากทางคู่กรณีจะขอเจรจาเราพร้อมเพราะอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี ส่วนเงินที่นายระพีพัชร ขโมยมากว่า 1.2 ล้านบาท แล้วนำมาซื้อไอเทม ในแอพฯนั้น คาดว่ายอดเงินจริงไม่น่าจะถึง ต้องทำการตรวจสอบก่อน แต่เรื่องการจะคืนเงินให้คู่กรณีหรือไม่นั้นอยากให้เข้ามาคุยกันก่อน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณีเลย
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การคัดวีเจเข้ามาร่วมทำงานกับทางบริษัทนั้น เราจะรับสมัครผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะมีเงื่อนไขและระเบียบการก่อนสมัครอยู่แล้ว หลังจากสมัครมาก็จะมีการคัดเลือก ถ้ามีคุณสมบัติพร้อม มีความสามารถโดดเด่น ก็จะส่งไปประจำสังกัดวีเจต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีกว่า 30 สังกัด มีวีเจกว่า 1,000 คน และแต่ละสังกัดจะมีกฎระเบียบในแต่ละสังกัดด้วยเช่นห้ามคุยแบบส่วนตัวกับผู้ที่เข้ามาชมขณะออกอากาศ ซึ่งวีเจส่วนใหญ่จะจ้างในลักษณะฟรีแลนด์ และจ่ายค่าจ้างจากส่วนแบ่งที่ผู้ชมซื้อไอเทมเข้ามาให้กำลังใจ ซึ่งขณะออกอากาศนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ดูแล24ชม. ห้ามพบว่าวีเจคนใดที่ละเมิดกฎระเบียบเจ้าหน้าที่จะแจ้งเตือน หากไม่เชื่อก็จะตัดการออกอากาศทันที ทั้งนี้การจะเข้ามาแสดงความสามารถนั้นทางบริษัทไม่ได้หนดขึ้นอยู่กับวีเจความพร้อมจะเข้ามาแสดงความสามารถหรือไม่ แต่ทุกคนที่จะออกอากาศต้องติดต่อเข้ามาที่บริษัททุกคน
"กรณีของดีเจโฟร์นั้นเราแบ่งออกเป็น 2ส่วน คือเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ในเรื่องงานนั้น วีเจโฟร์ ทำงานเป็นหัวหน้าสังกัดหนึ่งในบริษัท ตั้งแต่ทำงานไม่เคยทำผิดกฎระเบียบ ขยัน ทำงานสุจริตเหมือนคนทั่วไป ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้มีการพักงานแต่อย่างใด ส่วนเรื่องส่วนตัวทางบริษัทจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่จะมีการเรียกมาพูดคุยกันอีกที เพราะเรื่องดังกล่าวก็ส่งผลกับบริษัทด้วย" นายทักษิณ กล่าว
ด้าน นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า การทำงานของโปรแกรมไอโชว์ก็เหมือนกับการซื้อบัตรเข้าคอนเสิร์ต เมื่อสมาชิกเข้ามาชม เมื่อถูกใจหรืออยากให้กำลังใจวีเจก็สามารถซื้อไอเทมส่งในวีเจได้ ซึ่งแต่ละไอเทมจะมีจำนวนเงินระบุบอกหน่วยเป็นตัวซี เช่น100ซี เท่ากับ1บาท ทุกครั้งที่ผู้ชมจะส่งไอเทมให้วีเจนั้นโปรแกรมจะขึ้นเตือนว่ากำลังจะไอเทมให้วีเจเพื่อให้ผู้เข้าชมยืนยันการส่งอีกครั้งป้องกันการกดผิด ซึ่งสมาชิกที่สมัครเข้ามานั้นมีทั้งสมาชิกที่เสียเงินและสมาชิกที่ชมฟรี โดยทั้ง2อย่างจะมีสิทธ์ในการเข้าชมวีเจได้ทุกห้องเหมือนกัน แต่สมาชิกที่เสียเงินจะแบ่งออกเป็นหลายระดับ เป็นการแบ่งเกรดผู้เข้าชม ซึ่งในแอพจะขึ้นโชว์สัญลักษณ์ว่าอยู่ในระดับไหน ขึ้นอยู่กับเงินที่สะสมอยู่ในระบบ เปรียบเสมือนการแต่งตัวให้ตัวเองดูเท่ห์ขึ้น สมาชิกแต่ละระดับนั้นจะมีความพิเศษคือสามารถคุยส่วนตัวกับวีเจได้ สามารถซ่อนตัวไม่ให้ใครเห็นได้ สามารถส่งไอเทมในหมวดวีไอพีได้ ทั้งนี้การสมัครสามาชิกนั้นคนหนึ่งสามารถมีได้หลายแอคเค้าท์ได้ จากกรณีของวีเจโฟร์หากถามว่ามีเงินที่นายระพีพัชร เข้ามาในแอฟฯจำนวนเท่าไรนั้น เราต้องไปดูว่านายระพีพัชร ใช้แอคเค้าท์ในการเข้าชมกี่แอคเค้าท์จึงจะตรวจสอบได้
ขณะเดียวกันทาง พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ปอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2บก.ปอท.ซึ่งรับผิดชอบดูแลคดีนี้ไปตรวจสอบแอฟพลิเคชันดังกล่าวแล้ว แต่เนื่องจากมีรายละเอียดมากจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่พบความผิดอะไรที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนการสอบปากคำนายระพีพัชรยังไม่พบความผิดปกติ เพราะระหว่างที่นายระพีพัชรเข้าไปในแอพฯนี้ ก็รู้ตัวว่าเข้าไปเลยไม่ได้ถูกหลอกให้เข้าไป







