ชี้ระบบสารดับเพลิง 'ไพโรเจน' ทำงานไม่ควรนานเกิน5นาที

กระทรวงวิทย์ ชี้สารดับเพลิง "ไพโรเจน" ใช้เพื่อดับไฟ เมื่อระบบทำงานไม่ควรอยู่นานเกิน 5 นาที หากสูดดมนานทำให้สมองตาย กระทั่งเสียชีวิตในที่สุด
จากเหตุการณ์ก๊าซรั่วในอาคารเอสซีบีพาร์ค จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อกลางดึก(13 มี.ค.) ที่ผ่านมา นายวรวรงค์ รักเรืองเดช รองโฆษกกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) บอกว่า คาดว่าสาเหตุเกิดจากมีการกระตุ้นให้สารดับเพลิงทำงานอัตโนมัติ โดยก๊าซไพโรเจนไม่มีคุณสมบัติติดไฟ แต่เป็นสารดับเพลิงทางการค้าแบบหนึ่งที่พัฒนามาจากเชื้อเพลิงที่ใช้ในจรวด ถูกบรรจุอยู่ในกระบอกที่ไร้ความดันในรูปของวัตถุที่เป็นของแข็ง
เมื่อถูกกระตุ้นให้ทำงานโดยสวิตช์ไฟฟ้าหรือความร้อนที่กระบอกมากกว่า 500 องศาเซลเซียส จะกลายเป็นละอองของเหลวพุ่งออกมาในรูปของสารอนุมูลอิสระของธาตุโพแทสเซียมและแก๊สเฉื่อยจำพวกไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ซึ่งไม่ติดไฟ แต่จะทำหน้าที่ดูดซับความร้อนและจับตัวกับอนุมูลอิสระของไฮโดรเจน ออกซิเจนและไฮดรอกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ ทำให้กระบวนการติดไฟขาดความต่อเนื่อง จนสามารถดับไฟได้ในที่สุด
รองโฆษก วท. บอกด้วยว่า โดยปกติสารดับเพลิง"ไพโรเจน"จะถูกใช้ในปริมาณ 1 ขีดต่อลูกบาศก์เมตร สารประเภทนี้ไม่ไวไฟและมีประสิทธิภาพสูง จึงมักใช้แทนที่ระบบสปริงเกอร์ที่ใช้น้ำดับไฟ เพื่อป้องกันพื้นที่ที่อาจทำให้เกิดไฟช็อต เช่น ห้องเซิร์ฟเวอร์ระบบคอมพิวเตอร์ หรือบริเวณที่มีเชื้อเพลิง เช่น สารเคมี กระดาษในห้องเก็บเอกสาร ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดที่ไม่มีคนอยู่เท่านั้น สารดับเพลิงประเภทนี้ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เอเชียและแอฟริกา เพราะเป็นสารที่ใช้ได้ผลในปริมาณที่น้อยกว่าสารตัวอื่นๆ
รองโฆษก วท.บอกต่อไปว่า เมื่อสารดับเพลิง"ไพโรเจน"ทำงานไม่ควรอยู่ในพื้นที่เกิน 5 นาที เพราะละอองของเหลวดังกล่าวไม่มีออกซิเจนที่จำเป็นต่อการหายใจ ซึ่งโดยปกติแล้วเซลล์สมองของคนจะเริ่มตาย หากไม่ได้หายใจเพียง 1 นาที และทวีความรุนแรงขึ้นหากไม่ได้หายใจ 3 นาที จากนั้นภายใน 10 นาทีสมองจะเสียหายขั้นรุนแรงและทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 15 นาที







