บุรีรัมย์คว่ำเมืองทอง ซิวแชมป์บอลถ้วยก.

บุรีรัมย์คว่ำเมืองทอง ซิวแชมป์บอลถ้วยก.

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประกาศศักดา คว้าแชมป์ถ้วยพระราชทาน

 ประเภท ก ปีที่ 100 ไปครอง หลังชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ 3-1 ครองถ้วยสมัยที่ 4 ติดต่อกัน โดย ดิโอโก ซานโต, อันเดรส ตูเนซ และจักรพันธ์ แก้วพรม ยิงคนละลูก พร้อมยึดสถิติเจอ “กิเลน” 20 ครั้ง บุรีรัมย์ ไม่เคยแพ้ด้านลูกหนังไทยเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น “ไทยลีก” และ “ดิวิชั่น 1” ขณะที่ “พีแอลที” เตรียมคลอดโปรแกรมการแข่งขันฤดูกาลใหม่แล้ว

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภทก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่สนามศุภชลาศัย “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ยูไนเต็ด แชมป์โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก และช้างเอฟเอ คัพ พบ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทองฯ รองแชมป์โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก โดยปีนี้ถือเป็นปีที่ 100 ของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และถ้วยพระราชทานดังกล่าวด้วย โดยมีนายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ เป็นประธาน

เกมนี้มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมเกือบเต็มความจุของสนาม โดย บุรีรัมย์ ส่ง ดิโอโก ซานโต ดาวซัลโวที่ซัดไป 45 ประตูเมื่อฤดูกาลที่แล้ว หายเจ็บกลับมาล่าตาข่าย พร้อมตัวหลักครบครัน อาทิ สุเชาว์ นุชนุ่ม, ธีราทร บูญมาทัน, โก ซุน กิ ด้าน เอสซีจี เมืองทองฯ ไม่มี “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ที่บาดเจ็บ แต่มี “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น, คลีตัน ซิลวา นำทีม

เริ่มเกม บุรีรัมย์ เป็นฝ่ายครองบอลบุกอย่างหนักและเกือบได้ประตูหลายครั้งแต่ยังไม่คมพอ กระทั่งนาที 14 ความพยายามของ “ปราสาทสายฟ้า” มาประสบผลสำเร็จ อนาวิน จูจีน แบ็กขวาทุ่มบอลให้ ดิดอโก ซานโต จิ้มบอลหนี นาโออากิ อาโอยามะ กองหลัง ก่อนเข้าไปชิพข้ามตัว กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เข้าประตูไปอย่างเหนือชั้นให้ บุรีรัมย์ นำ 1-0 ก่อนหมดครึ่งแรกที่สกอร์นี้

ครึ่งหลังเล่นมา 4 นาที อดุล หละโสะ ตัวสำรองของ บุรีรัมย์ ที่ลงมาครึ่งหลังได้ยิงไกล 30 หลา บอลพุ่งชนคานเต็มๆ ก่อนที่นาที 65 เมืองทองฯ เสียจุดโทษ กวินทร์ เตะเปิดบอลออกมาไม่ได้ ไคโอะ ตัดบอลได้ ทำให้ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ต้องเสียบสกัด ซึ่งผู้ตัดสินมองว่าทำฟาล์วในเขตโทษ และเป็น อันเดรส ตูเนซ ที่รับหน้าที่สังหารไม่พลาด บุรีรัมย์ นำห่าง 2-0

นาที 79 เอสซีจี เมืองทองฯ ตีไข่แตกได้จากการสวนกลับไว และเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ยิงไกลเข้าไป 1-2 ถัดมา 2 นาที กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ เปิดบอลไปโดนแขน โก ซุน กิ ที่ยืนอยู่ในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร แม้ผู้เล่น “กิเลน” จะพยายามประท้วง แต่ก็ไม่เป็นผล และนาที 83 ดิโอโก ซานโต ตักบอลจากซ้ายไปเสาสองให้ จักรพันธ์ แก้วพรม โหม่งเต็มๆ ศรีษะ 3-1

ช่วงทดเวลา อดิศักดิ์ ไกรษร โหม่งบอลเข้าประตู แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ยกธงเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ทำให้จบเกม บุรีรัมย์ ชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ 3-1 ส่งผลให้ บุรีรัมย์ ครองถ้วยพระราชทาน ประเภท ก เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน และเพิ่มสถิติเจอ เอสซีจี เมืองทอง 20 ครั้ง ชนะ 11 เสมอ 9 ครั้ง ไม่เคยแพ้แม้แต่หนเดียว

ไทยลีกเตรียมคลอดคิวเตะ

หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมคนใหม่ประกาศเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลลีกทั้งไทยพรีเมียร์ลีก และลีกวัน (ดิวิชั่น 1) ไปเปิดสนามวันที่ 5 มีนาคม ส่วนดิวิชั่น 2 จะเริ่มในเดือนมีนาคมเช่นกัน พร้อมให้ทุกทีมยื่นสมัครใหม่ทั้งหมดนั้น

ล่าสุด “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รูปแบบการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และลีกวัน ยังคงเหมือนเดิมคือ มีทีมเตะลีกละ 18 ทีม แต่ทั้งนี้ ดิวิชั่น 1 อาจจะต้องเหลือแค่ 17 ทีมในฤดูกาลนี้เนื่องจากบางทีม ยังไม่พร้อมแข่งขัน ส่วนการให้ทุกทีมยื่นสมัครใหม่นั้น เพราะเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ทุกสโมสร

“ทีมที่มีปัญหาสิทธิ์ทับซ้อนก่อน จะได้รับการแก้ไขเพื่อส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันใหม่ โดยการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก และลีกวัน จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นไทยลีก กับดิวิชั่น 1 เนื่องจากบริษัทที่จัดการแข่งขันเปลี่ยนจาก บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก หรือทีพีแอล มาเป็นบริษัท พรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์ หรือพีแอลที แล้ว จึงต้องจดชื่อทัวร์นาเมนต์ใหม่”

นอกจากนี้จะมีการสรุปจำนวนทีมดิวิชั่น 1 ที่ยังไม่ชัดเจนว่าทีมที่ 18 จะได้ “คลับไลเซนซิง” หรือใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่ โดยมีรายงานข่าวว่าดิวิชั่น 1 อาจจะเหลือแค่ 17 ทีมในฤดูกาลนี้ ซึ่ง “พีแอลที” จะออกโปรแกรมการแข่งขันฤดูกาล 2016 อย่างเป็นทางการทันทีหลังจากประชุมเสร็จสิ้น