ประปาแปดริ้ววุ่น หลังน้ำเค็มทะลักแหล่งน้ำดิบ

ประปาแปดริ้ววุ่น หลังน้ำเค็มทะลักแหล่งน้ำดิบ

ประปาแปดริ้ววุ่น หลังน้ำเค็มทะลักแหล่งต้นทุนน้ำดิบในแหล่งเก็บน้ำ ของระบบชลประทาน เตรียมรับมือ

นายมนตรี อุทัยศรี ผู้จัดการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงสถานการณ์น้ำดิบในแหล่งน้ำต้นทุนการผลิตเป็นนำประปา เพื่อให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งมีเขตความรับผิดชอบ 8 อำเภอใน จ.ฉะเชิงเทรา รวมผู้ใช้น้ำกว่า 33,000 ราย ประกอบด้วย อ.บางคล้า พนมสารคาม แปลงยาว สนามชัยเขต ท่าตะเกียบ บ้านโพธิ์ บางน้ำเปรี้ยว คลองเขื่อน และอีก 1 อำเภอในเขต ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ตลอดจนในเขต อ.เมืองฉะเชิงเทราบางส่วน ในแถบย่านชุมชนตามแนวเขตรอยต่อกับกรุงเทพฯ จุดที่เคยเกิดภาวะวิกฤติการขาดแคลนน้ำจืดในการนำมาผลิตเป็นน้ำประปา เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา (2558) ว่า 

"ในปีนี้ น้ำเค็มจากเขตพื้นที่คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ได้ไหลเข้ามาสู่ระบบชลประทานพระองค์ไชยานุชิต แหล่งต้นทุนน้ำดิบของการประปาบางคล้าด้านซีกฝั่งตะวันตก หรือฝั่งขวาของลำน้ำบางปะกง ซึ่งรับน้ำมาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ผ่านมาทางคลองระพีพัฒน์ และคลอง 13 ซึ่งได้เกิดภาวะน้ำเค็มรุกล้ำเลยจากสถานีผลิตน้ำประปาที่หมู่บ้านขวัญสะอาดไปแล้ว"

นายมนตรี กล่าวอีกว่า ทำให้การประปาส่วนภูมิภาคบ้างคล้า ซึ่งรับผิดชอบในการผลิตน้ำ และส่งจ่ายให้แก่ชุมชนในบริเวณนั้น ประกอบด้วย หมู่บ้านและชุมชนย่านชาญเมืองรอยต่อกับกรุงเทพฯ และในเขตพื้นที่ ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จำเป็นต้องหยุดกระบวนการผลิตน้ำประปาอย่างถาวรแล้ว รวม 3 สถานี คือ สถานีบริเวณบ้านขวัญสะอาด 2 สถานี และสถานีเทพราชอีก 1 สถานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.59 ที่ผ่านมา และได้ประสานขอซื้อน้ำจากการประปานครหลวง และการประปาข้างเคียง เข้ามาส่งจ่ายให้บริการแก่ประชาชนแทนแล้ว ซึ่งถือว่า ภาวะน้ำเค็มหนุนปีนี้เร็วกว่าปีที่ผ่านมา ที่เคยเกิดภาวะวิกฤตน้ำประปาเค็ม

จากการคาดการณ์ของกรมชลประทาน ระบุว่า น้ำเค็มจะหนุนในช่วงต้นเดือน ก.พ.59 แต่ขณะนี้น้ำเค็มได้รุกเข้ามาถึงแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.59 ซึ่งถือว่า มาเร็วกว่าปกติ และอาจเกิดภาวการณ์ขาดแคลนน้ำดิบเพิ่มมากขึ้น เพราะน้ำเค็มจะเริ่มหนุนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่า ในปีนี้อาจจะรุนแรงกว่าเมื่อปี 2558 เพราะน้ำเค็มรุกล้ำเร็วกว่าปีก่อน โดยภาวการณ์ขาดต้นทุนน้ำดิบ หรือภัยแล้งปีนี้ อาจจะยาวนานเป็นเวลาหลายเดือน

หากมีน้ำฝนเข้ามาช่วยในช่วงเดือน พ.ค. หรือ มิ.ย.ปีนี้ ก็จะแก้ปัญหาผ่านไปได้เร็วขึ้น และจะพ้นวิกฤติไปได้ เวลานี้จึงได้แต่รอเพียงน้ำฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ตามฤดูกาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะดูจากปริมาณน้ำต้นทุนด้านฝั่งตะวันตกที่ยังเหลืออยู่นั้น ยังมีไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งการประปาบ้างคล้าเองนั้น ได้เตรียมทำการบ้านอยู่ในขณะนี้ว่า จะทำอย่างไรจึงจะส่งน้ำจากทางด้านฝั่งตะวันออกของลำน้ำบางปะกง ซึ่งเชื่อว่า จะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำดิบเข้าไปช่วยเสริมได้

และนายมนตรี กล่าวอีกว่า จากบทเรียนน้ำประปาเค็มเมื่อปีที่แล้ว หลังเกิดปัญหาทางการประปาสาขาบางคล้า ได้นำเอามาเป็นบทเรียนและประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ใช้น้ำให้เข้าใจถึงปัญหา และได้มีการวางแผนไว้เป็นระยะ ตามขั้นตอน ด้วยการขอเสริมน้ำเข้ามาจากประปาข้างเคียง และจะมีรถน้ำเข้าไปเสริมในพื้นที่ให้บริการแต่ละจุดที่สำคัญ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ส่วนแผนระยาวนั้นการประปาส่วนภูมิภาคเองต้องกล้าลงทุน และประสานกับทางกรมชลประทานว่า บริเวณจุดใดที่มีการชี้เป้าไว้แล้วให้ทำแก้มลิง ก็ต้องไปทำ เพื่อเก็บกักน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากไว้ให้ได้

แต่ที่ผ่านมานั้น ยังคงขาดแคลนด้านงบประมาณสนับสนุนในการดำเนินการ ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคเองนั้น ต้องกล้าที่จะลงทุน และกล้าที่จะทำ ถ้าไม่ทำก็จะไม่เกิดเสถียรภาพในการผลิตน้ำประปา เพื่อให้บริการแก่ประชาชน โดยถ้าหากเราทำแก้มลิงได้ ก็จะช่วยสู้ปัญหาภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 เดือนเต็ม ในทุกๆ ปีได้ เนื่องจากในช่วง 6 เดือนของฤดูน้ำหลากนั้น พื้นที่บริเวณนี้กลับถูกน้ำท่วมและพอถึงฤดูแล้งกลับขาดแคลนน้ำ จึงต้องหาทางทำแก้มลิงเก็บน้ำไว้ให้ได้

"ขณะนี้จึงอยากจะบอกผ่านทางสื่อไปถึงผู้ใช้น้ำ จากการประปาส่วนภูมิภาคบางคล้าว่า ก่อนถึงฤดูแล้งจัดในปีนี้ ให้ทำการหาภาชนะ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้เองให้ได้ปริมาณมากที่สุด ซึ่งหากช่วงไหนที่เกิดภาวการณ์ขาดแคลนน้ำรุนแรง หรือการประปาไม่พร้อมที่จะทำการจ่ายน้ำให้ ก็จะได้นำรถน้ำเข้าไปเสริมช่วยเหลือ ซึ่งเราจะต้องบริหารจัดการน้ำให้ผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ จนถึงช่วงฤดูฝนกลางปี

ส่วนพื้นที่ทางด้านฝั่งตะวันออก หรือด้านซ้ายของลำน้ำบางปะกงนั้น เชื่อว่า จะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากยังมีแหล่งต้นทุนน้ำดิบเพียงพอ โดยจะสามารถรับน้ำได้จากอ่างเก็บน้ำแควระบม และอ่างเก็บน้ำคลองสียัด รวมถึงยังมีอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ในเขต อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เข้ามาเสริมได้อีกทางหนึ่ง" นายมนตรี กล่าว